นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขับเคลื่อนความร่วมมือและการเข้าเป็นภาคี ความตกลงในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) โดยขอเสนอเข้าร่วมการเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 3 กรอบหลัก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนข้อตกลงความร่วมมือในระดับรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
2. กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ว่าด้วยเศรษฐกิจสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ เพื่อการรองรับเศรษฐกิจสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสาขาต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน การส่งเสริมเทคโนโลยี หรือแนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำในภาคอุตสาหกรรม และภาคคมนาคม เทคโนโลยีจำกัดก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากรดินน้ำ มหาสมุทร อย่างยั่งยืน
3. กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เพื่อความเจริญรุ่งเรือง ว่าด้วยเศรษฐกิจที่เป็นธรรม จะเน้นความส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฏหมาย หรือมาตรการการต่อต้านการทุจริต การบริหารจัดการเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการต่อต้านการให้สินบน และการฟอกเงิน การติดตามทรัพย์สินคืนจากการทุจริต ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมแก่แรงงานข้ามชาติ
นายชัย กล่าวว่า สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ให้เอื้อต่อการดึงดูดการลงทุนด้านเศรษฐกิจที่สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสาขาต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสการระดมทุน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ และช่วยเสริมสร้างศักยภาพของคนไทย ไปสู่การยกระดับมาตรฐานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจตามหลักธรรมาภิบาล