ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวม เดือนพ.ค.67 อยู่ที่ระดับ 48.0 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 47.3 ในเดือนก่อนหน้า ตามการเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ และผลประกอบการเป็นสำคัญ ส่วนความเชื่อมั่นด้านต้นทุนยังทรงตัวในระดับต่ำ
สำหรับความเชื่อมั่นในภาคการผลิต ปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวดธุรกิจ นำโดยกลุ่มผลิตเคมีภัณฑ์ และพลาสติก ที่ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ คำสั่งซื้อ และการผลิตปรับเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตยานยนต์ ปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ แต่ดัชนีฯ ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จากปัจจัยความกดดันด้านอุปสงค์ ทั้งในและต่างประเทศ ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงการแข่งขันด้านราคาของกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจเพื่อดูสถานการณ์
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิต ปรับลดลงในเกือบทุกหมวดธุรกิจ นำโดยกลุ่มขนส่งที่ความเชื่อมั่นลดลงในทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะด้านต้นทุนที่ปรับลดลงมาก ตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ภาครัฐขยายเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซล จากไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เป็น 33 บาท/ลิตร ส่วนความเชื่อมั่นของกลุ่มค้าปลีกอยู่ในทิศทางลดลงต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ปริมาณการค้า รวมถึงคำสั่งซื้อเป็นสำคัญ
โดยในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 52.9 จากเกือบทุกองค์ประกอบ นำโดยด้านผลประกอบการ และคำสั่งซื้อ สำหรับความเชื่อมั่นในภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตยานยนต์เป็นหลัก โดยดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ หลังจากที่ลดลงไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีฯ ในกลุ่มอื่น ทรงตัวหรือปรับลดลงเล็กน้อย
ส่วนความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิตทรงตัว โดยกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นจากด้านปริมาณการให้บริการ และผลประกอบการเป็นสำคัญ ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมั่นลดลงในทุกองค์ประกอบ ส่วนหนึ่งจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง กดดันความสามารถในการกู้ของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม และเกือบทุกหมวดธุรกิจ ยังอยู่สูงกว่าระดับ 50 สะท้อนความเชื่อมั่นในระยะข้างหน้าที่ดีกว่าปัจจุบัน ยกเว้น กลุ่มผลิตยานยนต์ และกลุ่มอสังหาฯ ที่ความเชื่อมั่นยังต่ำกว่าระดับ 50