นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรไตรมาสแรกในอุตสาหกรรมค้าปลีกของสหรัฐมีแนวโน้มทรุดตัวลงหนักสุดในรอบ 9 ปี แม้ยอดสินค้าคงคลังปรับตัวลดลงและมีการปรับลดการใช้จ่าย โดยบริษัทค้าปลีกของสหรัฐจะเริ่มเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในสัปดาห์นี้
ปัจจัยที่ทำให้กำไรของบริษัทค้าปลีกปรับตัวลดลงมาจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ขณะที่ร้านค้าปลีกจำนวนมากพยายามหาลู่ทางที่จะดึงดูดผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมใช้สอยอย่างประหยัด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงและอาหารพุ่งสูงขึ้น และตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลง
ล่าสุด บริษัทวอล-มาร์ท ออกกลยุทธ์ดึงดูดผู้บริโภคด้วยการใช้ทุ่มงบโฆษณาทางออนไลน์เพื่อเอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดงบ ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่าง ทาร์เก็ต กรุ๊ป ทุ่มงบโฆษณาขายคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าราคาถูกของดีไซเนอร์ โรแกน เกรกอรี
เคร็ก อาร์ จอห์น สัน นักวิเคราะห์จากบริษัทคัสตัมเมอร์ โกรท พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า "บริษัทค้าปลีกพยายามทำทุกทางที่จะดึงเงินในกระเป๋าผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทางระบบออนไลน์และสื่อต่างๆ พวกเขาไม่ได้ทำธุรกิจค้าปลีกเท่านั้น แต่ต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อนำพาธุรกิจให้อยู่รอด"
ด้านนายเคน เพอร์กินส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทรีเทลเมทริกส์ แอลแอลซี คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐจะยังคงลดลง โดยคาดว่ากำไรของบริษัทส่วนใหญ่จะลดลงประมาณ 14.9% ซึ่งจะเป็นสถิติที่ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา
นักวิเคราะห์หลายคนกังวลว่า กลยุทธ์ลดแลกแจกแถมที่บริษัทค้าปลีกส่วนใหญ่นำออกมาใช้นั้น อาจทำให้บริษัทค้าปลีกต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ
ก่อนหน้านี้ บริษัทวอล-มาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สุดของโลกรายงานว่า ยอดขายเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด แต่วอล-มาร์ทระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซาลงและผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--