นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นประธานในการเปิดงานสัมมนา เรื่อง "การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024)" ก่อนนำไปรวมในแผนพลังงานชาติฉบับใหม่
สำหรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (Power Development Plan: PDP 2024) ฉบับนี้ จะให้ความสำคัญในประเด็นต่างๆ 3 ด้าน คือ
1. ด้านเน้นความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ (Security)
2. ด้านต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม (Economy)
3. ด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่ สนพ. กำลังจัดทำอยู่
นอกจากนี้ ในแผน PDP 2024 จะมีการใช้เกณฑ์โอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) ต้องไม่เกิน 0.7 วันต่อปี หรือไม่เกิน 17 ชั่วโมง จาก 8,760 ชั่วโมง จากเดิมใช้เกณฑ์กำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) รวมทั้งยังกำหนดเป้าหมายของมาตรการเปลี่ยนแปลงพฤติกกรรมการใช้ไฟฟ้า (Demand response) 1,000 เมกะวัตต์ และมาตรการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) รวมไปถึงจะมีโรงไฟฟ้าใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำมาพิจารณา ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับ รับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากต่างประเทศ โซลาร์ โซลาร์ลอยน้ำ และโซลาร์บวกด้วยระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) มีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นทางเลือก
"แผน PDP ฉบับใหม่ คาดว่าค่าไฟเฉลี่ยทั้งแผนจะไม่เกิน 4 บาท/หน่วย และภายหลังเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว คาดว่าจะเสนอแผนพลังงานแห่งชาติเข้าที่ประชุม กบง. กพช. สภาพัฒน์ฯ ก่อนเข้า ครม.ต่อไป คาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.ย.นึ้"
แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan2024) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอกับความต้องการใช้ของประเทศ และบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานก๊าชธรรมชาติให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ โดย Gas Plan 2024 ได้ประมาณการความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในระยะยาวจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า ภาพรวมความต้องการใช้ก๊าชธรรมชาติ ลดลงจาก 4,859 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในปี 2567 เป็น 4,747 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในปี 2580 จากการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าลดลง เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนและไฮโดรเจน การใช้ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ลดลงตามปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และการใช้ในภาคขนส่ง ตามจำนวนรถ NGV ที่มีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ สนพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างแผน PDP 2024 และร่างแผน Gas Plan 2024 โดยในวันที่ 12-13 มิถุนายน 2567 จะเป็นการเปีดรับฟังความคิดเห็นในกลุ่มภาคราชการรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการ จากนั้นจะทยอยเปิดรับฟังความคิดเห็นรูปแบบออนไลน์ใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้า เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนภาคกลาง ช่วงบ่ายสำหรับประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้า สำหรับประชาชนภาคใต้ ช่วงบ่าย สำหรับประชาชนภาคเหนือ
นอกจากนี้ สนพ. ยังเปิดรับให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้เข้ามาแสดงความเห็นผ่านช่องทาง Facebook : EPPO Thailand และเว็บไซต์ ww.eppo.go.th ตั้งแต่วันที่ 19-23 มิถุนายน 2567 ซึ่งข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็น สนพ. จะนำไปประกอบการปรับปรุงทั้ง 2 แผนนี้ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ซึ่งประกอบด้วย 5 แผนสำคัญ ได้แก่ 1.แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP ปี 2567-2580) 2.แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) 3.แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) 4.แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และ 5.แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)