จีนคาดว่า จะขาดแคลนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 7.3 ล้านตันในปี 2553 เนื่องจากความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่เพิ่มขึ้น
ไบ หยี่ รองประธานสถาบันวางแผนเกี่ยวกับน้ำมันปิโตรเลียมและเคมีแห่งชาติจีน กล่าวในที่ประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจินเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จีนอาจขาดแคลนก๊าซปิโตรเลียมเหลว อันเนื่องมาจากความต้องการจากพื้นที่ทางตะวันออกและตอนใต้ของประเทศเพิ่มขึ้น
บรรดาตัวแทนจากสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมเคมีต่างๆได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือถึงประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันและแนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตสารเคมีในจีน
แม้ว่าพลังงานสะอาด อาทิ ก๊าซที่ได้จากการเน่าเปื่อยของพืชผัก พลังลม และพลังงานแสงอาทิตย์ จะได้รับความนิยมจากประชาชนในเมืองใหญ่ อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจวเพิ่มขึ้น แต่เมืองขนาดเล็กและขนาดกลางยังคงใช้ก๊าซ LPG อยู่
อัตราการใช้ก๊าซ LPG ในเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางในพื้นที่แถบตะวันออกและตอนใต้ของประเทศคิดเป็นสัดส่วน 62% ของอัตราการใช้ LPG ทั้งหมดของประเทศ โดยความต้องการใช้ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมผลิตแก้ว ปูนซีเมนต์ และเครื่อง
ปั้นดินเผา
นายไบกล่าวว่า อัตราการใช้ก๊าซ LPG ในจีนแตะระดับ 17.3 กิโลกรัมต่อคนในปี 2549 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับการใช้ LPG ของสหภาพยุโรป และสหรัฐ และคาดว่า อัตราการใช้ LPG จะค่อยๆลดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากประชาชนหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มขึ้น
จากแผนพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศคาดว่า ความต้องการก๊าซ LPG ในประเทศ จะอยู่ที่ 26.2 ล้านตันในปี 2553 แต่คาดว่าจะมีปริมาณ LPG เพียง 18.9 ล้านต้นเท่านั้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--