นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.พร้อมเดินรถตามเงื่อนไขแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง ซึ่งขสมก.จะได้รับใบอนุญาตจำนวน 107 เส้นทาง จากทั้งหมดที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนดในแผนปฎิรูปจำนวน 269 เส้นทาง
โดยที่ผ่านมา ขสมก.ได้ทยอยยื่นขอรับใบอนุญาตตามสิทธิ์และมีการบรรจุรถตามเงื่อนไข ที่ขบ.กำหนดมาอย่างต่อเนื่องและภายในเดือนกันยายน 2567 จะเร่งดำเนินการบรรจุรถและให้บริการเส้นทางเปิดใหม่ตามใบอนุญาตที่ได้รับล็อตล่าสุดจำนวน 72 เส้นทาง ซึ่งจะทำให้ขสมก.เดินรถเต็มรูปแบบตามแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางฯ จำนวน 107 เส้นทาง
ขณะเดียวกัน ขสมก.ได้มีการถอนและส่งคืนเส้นทางที่ไม่อยู่ในแผนปฎิรูป ที่ขสมก.ได้รับ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ของกรมการขนส่งทางบกและแผนปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ โดยขสมก.จะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ข้อมูล เส้นทางการเดินรถ ให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรับทราบและเข้าใจ
นอกจากนี้ ขสมก.กำลังเร่งรัดการซ่อมบำรุงรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) จำนวน 486 คัน ที่จอดเสีย หลังจากที่ได้ยกเลิกสัญญาซ่อมบำรุงกับเอกชนรายเดิม ขณะนี้เร่งจัดหาเอกชนรายใหม่ให้เข้ามาซ่อม และเร่งนำรถชุดดังกล่าวกลับมาให้บริการในเส้นทางของขสมก.ตามแผนปฎิรูปเร็วที่สุด จะทำให้ขสมก.สามารถบริหารจัดการรถให้มีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารประมาณ 2,884 คัน (รถใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2,075 คัน, รถโดยสาร NGV จำนวน 323 คัน และรถโดยสาร NGV ที่จอดเสียรอซ่อมจำนวน 486 คัน) ทำให้เหลือรถวิ่งให้บริการจริงประมาณ 2,398 คัน โดยรถส่วนใหญ่มีอายุใช้งาน 30-33 ปี ดังนั้นรถที่มีอยู่จึงต้องดูแลซ่อมบำรุง เพื่อให้พร้อมบริการ ไม่เกิดการเสีย ขณะที่ต้องพยายามหมุนรถที่มีให้เต็มที่เพื่อไม่ให้กระทบการให้บริการประชาชน
ส่วนกรณีที่มีเอกชน ยื่นกรมการขนส่งฯ ขอปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมดว 1 ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง และกรมขนส่งฯได้มีหนังสือถึง ขสมก.พิจารณาแนวเส้นทางที่ถูกทับซ้อนนั้น ผอ.ขสมก.กล่าวว่า เรื่องนี้ทางคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางและกรมขนส่งฯมีการแต่งตั้งคณะทำงานฯขึ้นมาพิจารณาแล้ว ในส่วนของ ขสมก.นั้น ได้มีการตั้งคณะทำงานภายในขสมก.เองเพื่อเร่งพิจารณาในกรณีดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะผลกระทบต่อการให้บริการ