รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ระบุว่า ตามที่ประเทศไทยและประเทศอินเดีย ได้มีการประชุมเจรจาสิทธิการบินระหว่างกัน เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และผลการเจรจาครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันในการเพิ่มจำนวนที่นั่งฝั่งละ 7,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ สำหรับเส้นทางบินไปยัง 6 เมืองสำคัญในอินเดีย (มุมไบ, เดลี, เชนไน, กัลกาตา, บังกาลอร์ และไฮเดอราบัด)
โดย CAAT ได้ประสานสายการบินเพื่อจัดสรรจำนวนที่นั่งที่ได้มา เพื่อให้สามารถทำการบินได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และเพื่อให้สายการบินสามารถเร่งดำเนินการ ทั้งด้านการขออนุญาตทำการบินเข้า และการขอเวลาการทำการบินตามเส้นทางที่ได้รับการจัดสรรจากหน่วยงานฝั่งอินเดีย รวมทั้งการเตรียมทำการตลาดอย่างเหมาะสมต่อไป โดย CAAT ได้แจ้งผลการจัดสรรและแนวทางเพื่อเตรียมการขอทำการบินเพิ่มเติมในฤดูกาลต่อ ๆ ไป
ปัจจุบัน จำนวนผู้โดยสารเส้นทางไทย-อินเดีย กลับสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 โดยตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมา มีผู้โดยสารประมาณ 7,000 คน/วัน การเพิ่มจำนวนที่นั่งนี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารจากทั้งสองฝั่งได้อีกประมาณ 2,000 คน/วัน
ทั้งนี้ สายการบินของไทย ได้รับความนิยมจากผู้โดยสารชาวอินเดีย เนื่องจากเส้นทางบินระหว่างไทยและอินเดียไม่ไกลมากนัก ทำให้สายการบินสามารถใช้ประโยชน์จากอากาศยานได้อย่างเต็มที่ โดยการบินในช่วงกลางคืนและกลับมาในช่วงเช้า
อย่างไรก็ตาม การบินระหว่างไทยและอินเดีย ยังคงต้องมีการเจรจาเพื่อขอเพิ่มจำนวนที่นั่ง และเที่ยวบินเป็นระยะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อเพิ่มจุดหมายปลายทาง และจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออกประเทศไทย ตามนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล
การเพิ่มจำนวนที่นั่งในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอินเดีย และจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ