นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 6% แต่ในช่วงไตรมาส 2/51 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงเกินกว่า 120 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเป็นแรงกดดันสำคัญต่อจีดีพีที่รัฐบาลจะประมาทไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลคงต้องออกมาตรการมาดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สร้างแรงกดดันต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ
"เดิมเคยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะไม่เกิน 5% บนพื้นฐานที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ขณะนี้เงินเฟ้อเกินไปจากที่คาดการณ์ไว้แล้ว ทำให้เราต้องเตรียมการดูแลเรื่องเงินเฟ้อ เรื่องพลังงาน เคยวางแผนใช้เวลาช่วงหนึ่ง คงต้องร่นให้เร็วขึ้น" นพ.สุรพงษ์ ระบุ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลเตรียมจะผลักดันมาตรการระลอกใหม่ออกมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เน้นให้ประชาชนหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดพลังงานอย่างรวดเร็ว แต่จะไม่ใช้วิธีการอุดหนุนราคาน้ำมัน เพราะจะเห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หลายประเทศที่เคยเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันเริ่มฉุดไม่อยู่ ทั้งประเทศแถบเอเชียและแถบตะวันตก อีกทั้งแม้เข้าไปอุดหนุนน้ำมันแต่ยังดูแลเงินเฟ้อได้ไม่ดีนักและกลับตกเป็นภาระของรัฐบาล
"มาตรการที่จะออกมาใช้จูงใจให้คนประหยัดพลังงาน คงยังบอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ขอให้การหารือมีข้อสรุปชัดเจนก่อน แต่บอกได้ว่า เป็นมาตรการที่ตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน" รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--