นายรัชวิชญ์ ปิยะปราโมชย์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ Mr. Tobias Pierlings ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงเศรษฐกิจ และการปฏิบัติการทางภูมิภาค แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องภาพรวมด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก ผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน ความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคี และการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว
นายรัชวิชญ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งอียูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-21 มิ.ย.นี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้สนับสนุนการรื้อฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย-เยอรมนี (Thai-German Joint Economic Committee: JEC) ครั้งที่ 4 ภายในปี 2567 หลังจากที่ได้จัดประชุมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 ซึ่งจะเปิดโอกาสในการหารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2566 เยอรมนีถือเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในสหภาพยุโรป โดยการค้าระหว่างไทย-เยอรมนี มีมูลค่า 10,651 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1.85% ของมูลค่าการค้าไทยในตลาดโลก โดยไทยส่งออกไปเยอรมนี 4,472 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเยอรมนี มูลค่า 6,178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์-ส่วนประกอบ, รถยนต์ อุปกรณ์-ส่วนประกอบ และเครื่องจักรกล-ส่วนประกอบ ขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกล-ส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า-ส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม, เคมีภัณฑ์ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นต้น