นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการยกระดับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวไทย ว่า ตามที่โครงการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่บาดเจ็บและเสียชีวิต จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ส.ค.นั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการขอต่ออายุออกไปอีกระยะ
ดังนั้น จึงเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาคงมาตรการที่จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ก่อนที่จะมีการเดินหน้าจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ถูกชะลอในช่วง Low Season ตามนโยบายของรัฐบาลในช่วงเวลานี้
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายในปี 67 ภายใต้ฉากทัศน์ที่ดีที่สุด (Best Case) ให้บรรลุรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 36.7 ล้านคน ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลจะเน้นการพัฒนา ทั้งด้านการตลาด (Demand side) และด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการ (Supply side)
โดยจะให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวก ป้องกันและรักษาความปลอดภัย ช่วยเหลือเยียวยา และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพื่อสร้างความมั่นใจและความประทับใจต่อประเทศไทยระยะยาว ซึ่งหนึ่งในมาตรการสำคัญที่รัฐบาลดำเนินการในขณะนี้ คือ การช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บาดเจ็บและเสียชีวิต
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงกรณีอุบัติเหตุ อาชญากรรม และภัยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ส.ค. 67 โดยที่เหตุการณ์ดังกล่าว จะต้องไม่เกิดจากความประมาท เจตนา การกระทำผิดกฎหมาย หรือพฤติการณ์ที่เสี่ยงของนักท่องเที่ยว
สำหรับอัตราชดเชยในโครงการนี้ ประกอบด้วย กรณีเสียชีวิตไม่เกิน 1 ล้านบาท, การสูญเสียอวัยวะถาวร สูญเสียสายตา ทุพพลภาพถาวร ชดเชย 300,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล จ่ายตามจริงไม่เกิน 500,000 บาท ผู้ยื่นคำขอจะต้องถือหนังสือเดินทางประเภทนักท่องเที่ยว โดยสามารถยื่นคำขอได้ที่กระทรวงการท่องเที่ยว หรือสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง รวมถึงทางไปรษณีย์ และอีเมล์ที่กำหนด
โดยในระยะเวลา 5 เดือน ของการดำเนินโครงการนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยื่นคำขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยาแล้วกว่า 50 ราย โดยคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาไป 7 ราย โดยเป็นกรณีเสียชีวิต 4 ราย และกรณีบาดเจ็บ 3 ราย
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก เฝ้าระวัง และมีมาตรการสร้างความอบอุ่นใจ เช่น สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 และแอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเร็ว ๆ นี้
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ขอความร่วมมือจากสถานทูตต่าง ๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยว ในเรื่องแนวปฏิบัติในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะการตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนนที่ต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง มีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้อง สวมหมวกนิรภัยเมื่อขับขี่จักรยานยนต์ เนื่องจากพบว่านักท่องเที่ยวมักประสบเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก
"แม้โครงการนี้ จะมีการจ่ายเงินเยียวยาเป็นจำนวนที่ไม่มากนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ถือได้ว่าประเทศไทย ยังมีช่องทางนี้ในการช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความทุกข์ของนักท่องเที่ยว และครอบครัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยอย่างสูงสุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย" นายเสริมศักดิ์ ระบุ