ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.80 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาคดีร้อนการเมือง กรอบพรุ่งนี้ 36.65-36.90

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 17, 2024 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 36.80 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ 36.67 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.60-36.85 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้ยังมีแรงขายของต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร แต่ในส่วนของตลาดพันธบัตรนั้น กว่าครึ่งหนึ่งมาจากพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนพอดี ส่วนตลาดหุ้น ต่างชาติยัง ขายเป็นเพราะกังวลปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ

โดยพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตลาดจะให้ความสนใจกับการพิจารณาคดีทางการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคดีคุณสมบัติ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตลาดรอดูว่าศาลจะมีคำ สั่งอย่างไร

"ตลาดให้ความสำคัญกับคดีของนายกฯ เป็นพิเศษกว่าคดีอื่น เพราะสถานะของนายกฯ มีผลต่อรัฐบาล และความต่อเนื่องใน การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการคลังของประเทศ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 36.65 - 36.90 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 157.49 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0712 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0701 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,296.59 จุด ลดลง 9.97 จุด (-0.76%) มูลค่าการซื้อขาย 40,649.58 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,696.32 ลบ.(SET+MAI)
  • นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า การปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีหุ้นไทยในช่วงนี้ น่าจะมีสาเหตุจาก
ประเด็นสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเป็นหลัก เพราะในเดือน มิ.ย. มีปัจจัยทางการเมืองหลายเรื่องเข้ามาพร้อมกัน จึงอาจมีผล
ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระดับหนึ่ง แต่มองว่าปัจจัยดังกล่าว จะเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น หากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย หรือมีความ
ชัดเจน ก็เชื่อว่าการลงทุนจะกลับมาได้เป็นปกติ
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะใช้เวลาอันสำคัญช่วงนี้ ใน
การรวบรวมข้อมูลด้านเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และแรงงาน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากจะเริ่มมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน
ปีนี้ ก็คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นแค่เพียงครั้งเดียว คือ เดือนธ.ค.
  • เงินเฟ้ออังกฤษ คาดว่าจะปรับตัวลดลงสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ 2% ได้เป็นครั้งแรกในรอบ
3 ปี แต่สถานการณ์ดังกล่าว อาจช่วยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ที่กำลังระส่ำระสายก่อนเผชิญศึกเลือกตั้งในวันที่ 4 ก.ค.นี้ได้เพียง
เล็กน้อยเท่านั้น
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนลดลง 10.1% ในช่วงเดือนม.ค.-
พ.ค.67 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลดลง 9.8% ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. แม้ว่าทางการจีน ได้
ออกมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ และกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแล้วก็ตาม
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีแนวโน้มที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ
สูงสุดในรอบ 12 ปี ในการประชุมวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) เนื่องจากธนาคารกลางพยายามควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย หลังจาก
เงินเฟ้อของออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.
ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ยอดขายบ้านมือสอง
เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1/2567, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการ
ผลิต-ภาคบริการ ขั้นต้นเดือนมิ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค. จาก Conference Board

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ