นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทย โดยยืนยันว่าหลังจากนี้จะมีออกมาอีกหลายมาตรการ เช่น มาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะมีการปรับปรุงเงื่อนไขใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสม และดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
ส่วนระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุน LTF นั้น ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าอยากให้เป็นการออมเงินหรือไม่ หากต้องการให้เป็นการออมเงินการถือครองอาจต้องยาว แต่ก็คงจะไม่ยาวมาก ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณา ดังนั้น ขอเวลาอีกเล็กน้อย
รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า จะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องกรอบเงินเฟ้อของประเทศไทย โดยจะมาพิจารณากันอีกครั้ง ว่ากรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เร่งพิจารณามาตรการและกลไกเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในระยะยาวเพื่อจะเข้ามาเติมการหมุนเวียนในตลาดทุน ได้แก่ LTF และ กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศ (Thai ESG) ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดของการปรับปรุง โดยคงเลือกดำเนินการเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่ทำทั้ง 2 มาตรการ เพราะพื้นฐานโครงสร้างของกองทุนคือแบบเดียวกัน แต่ยืนยันว่ากระทรวงการคลัง จะเร่งพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
"มาตรการเรียกความเชื่อมั่น ตอนนี้คลังกำลังคิดอยู่ และคงไม่ได้ออกมาภายใน 1-2 วันนี้ ที่พิจารณาอยู่มี 2 เรื่อง คือ LTF และ Thai ESG ก็ต้องมาดูให้มีความเหมาะสม มีผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ที่คุ้มค่าที่จะลงไปในตลาดทุน และถ้าทำก็คงทำแค่อันใดอันหนึ่ง ไม่ทำทั้ง 2 อัน เพราะโครงสร้างมันคือแบบเดียวกัน
อย่าง Thai ESG ก็ตรงกับนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนเรื่อง ESG แต่ว่าหากจะทำรอบนี้ก็ต้องพิจารณาวางกรอบ วางกลไกให้กว้างขึ้น เหมาะสมมากขึ้น เช่น ระยะเวลาถือครอง จะสั้นกว่า 10 ปี เพราะการถือครองที่ยาวเกินไปก็ไม่ได้จูงใจนักลงทุน โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การพิจารณาของ รมว.คลัง เชื่อว่าจะมีความชัดเจนเร็วที่สุด" นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เช้านี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมายืนในแดนบวกแล้ว เชื่อว่าเป็นผลของความชัดเจนจากข่าวคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตลาดก็ตอบสนองดี ดังนั้น เชื่อว่าหากประเด็นต่าง ๆ ทางการเมืองเคลียร์ไปทีละเรื่อง ความมั่นใจของตลาดก็จะกลับมาเป็นปกติ จึงไม่ได้เป็นห่วงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมากนัก
"เชื่อว่าไม่นาน ตลาดจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น พอผ่านพ้นการวินิจฉัยไปทีละเรื่อง ซึ่งจะทำให้สถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ก็แค่นั้นเอง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้รัฐบาลเองก็ควบคุมไม่ได้" รมช.คลัง ระบุ
ส่วนของการแต่งตั้งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนใหม่นั้น รมช.คลัง ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เพียงแต่เห็นตามข่าวบ้าง และอยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังไม่สามารถเข้าไปกำหนดตัวบุคคลได้ เพราะมีกลไกในการสรรหาที่เป็นไปตามกรอบวิธี
"ไม่ใช่ว่ากระทรวงการคลังอยากให้ นาย ก. หรือ นาย ข. มาเป็น มันไม่ได้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก และกระทรวงการคลังก็รับทราบตามนั้น" นายจุลพันธ์ ระบุ