การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัวกิจกรรม "สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม" ชวนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ด้วยการโดยสารรถไฟ ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 67 นำร่อง 6 เส้นทางการท่องเที่ยว หวังช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวภาคกลางแตะ 103.07 ล้านคน-ครั้ง
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้ศักยภาพทางด้านระบบขนส่งสาธารณะ (Logistics) ของประเทศเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ในครั้งนี้ ททท.ได้ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด จัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางรถไฟ "สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม" นำร่องกิจกรรมในช่วงเดือนก.ค. 67 ด้วยการเดินทางเชื่อมโยงกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออก โดยรถไฟขบวน KIHA 183 ทุกสัปดาห์ จำนวน 4 เส้นทาง พร้อมแพ็กเกจท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 3,999 บาทต่อท่าน ได้แก่
- เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ-ราชบุรี วันที่ 6-7 ก.ค. 67
- เส้นทางที่ 2 กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 13-14 ก.ค. 67
- เส้นทางที่ 3 กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี วันที่ 20-21 ก.ค. 67
- เส้นทางที่ 4 กรุงเทพฯ-ปราจีนบุรี วันที่ 27-28 ก.ค. 67
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศให้คึกคักตลอดช่วง Green Season นอกจากนี้ ททท. ยังได้เพิ่มแรงส่งอย่างต่อเนื่องในเดือนส.ค. กับกิจกรรม "สิงหาแม่พาเที่ยว" นำเสนอ 2 เส้นทางท่องเที่ยวทางรถไฟ รูปแบบท่องเที่ยว One Day Trip ได้แก่
- เส้นทางที่ 1 แม่พาลูกเที่ยว ชวนนั่งรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา วันที่ 12 ส.ค. 67
- เส้นทางที่ 2 แม่ชวนลูกเที่ยว Royal Blossom รถไฟสายแห่งความสุข กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี (ภาคกลาง) วันที่ 17 ส.ค. 67
นอกจากนี้ ทั้ง 6 เส้นทางนั้น ททท. ยังมุ่งออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวที่สะท้อนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเส้นทางท่องเที่ยวที่นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทย 5 สิ่งต้องห้ามพลาด (5 Must Do) ประกอบด้วย
Must Eat : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่น
Must See : ละลานตาวัฒนธรรม
Must Seek : แสวงหา unseen ถิ่นน่าเที่ยว
Must buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก
Must beat : สุดยอดกีฬาท้าทายกายใจ
ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มอรรถรสระหว่างการเดินทาง โดยมัคคุเทศก์มืออาชีพบรรยายความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ และเพิ่มความพิเศษให้แก่ช่วงเวลาแห่งความสุข ระหว่างการเดินทางในเส้นทางขบวนรถไฟ KIHA 183 ตลอดเดือนก.ค. 67 ด้วย อาทิ เส้นทางราชบุรี พบกับกิจกรรม Fashion Show ผ้าขาวม้าบนรถไฟ, เส้นทางสุพรรณบุรี พบกับการแสดงเพลงฉ่อยบนขบวนรถไฟ, เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ พบกับการบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ด้วย Saxophone และเส้นทางปราจีนบุรี พบกับเคล็ดลับการสักการะท้าวเวสสุวัณ จากซินแสเป็นหนึ่ง
รวมทั้งยังพาแวะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยว Must See-Must Seek และทำกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อาทิ เส้นทางราชบุรี ชมการแสดงหนังใหญ่ ณ วัดขนอนหนังใหญ่ และตักบาตรพระล่องแพ ตลาดโอ๊ะป่อย, เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ ศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าโกงกาง ทุ่งโปรงทอง และร่วมปลูกต้นจิกที่วนอุทยานปราณบุรีเพื่อเพิ่มพื้นทีสีเขียวริมชายหาด, เส้นทางสุพรรณบุรี สัมผัสอารยธรรมทวารวดี สักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง)
เส้นทางปราจีนบุรี กราบสักการะพระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ เนื่องในวันมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 10, เส้นทางฉะเชิงเทรา ย้อนกลิ่นอายวันวาน นั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ กราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ล่องเรือชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำบางปะกง และเส้นทางกาญจนบุรี สร้างประสบการณ์สุดคลาสสิค ตามรอยประวัติศาสตร์ชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว ถ้ำกระแซ สักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม อวโลกิเตศวรพันมือองค์ใหญ่แกะสลักไม้ ด้วยรถไฟขบวน Royal Blossom เป็นต้น
ทั้งนี้ ททท. มั่นใจว่าการร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางรถไฟดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศตั้งแต่ช่วง Green Season ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ทั้งเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศอย่างทั่วถึง ช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมาย ปี 67 สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท โดยในเดือนม.ค.-เม.ย. 67 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในประเทศแล้วกว่า 120 ล้านคน-ครั้ง และเกิดเป็นรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวประมาณ 880,346 ล้านบาท ตลอดจนกิจกรรมนี้จะนำไปสู่การออกแบบสร้างสรรค์และนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวทางรถไฟในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย
"หวังว่าการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ด้วยการโดยสารรถไฟ ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 67 จะทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวรับความสุขตลอดทั้งปี และช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวภาคกลางแตะ 103.07 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.5 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายปี 67" นายเสริมศักดิ์ ระบุ