สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ระดับ 79 ลดลงจากไตรมาส 1/2567 ที่ระดับ 81 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก ส่วนไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 75 ลดลงจากไตรมาสนี้ แต่ดีกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สทท. เชื่อมั่นว่ารายได้ท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมาย หลังรัฐบาลชุดนี้ขับเคลื่อนเชิงนโยบายที่ได้ผลหลายอย่าง เช่น มาตรการ Free Visa 93 ประเทศ-พื้นที่, การส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ, การผลักดัน Event ต่าง ๆ, การส่งเสริมเมืองรองให้เป็นเมืองน่าเที่ยวผ่านมาตรการภาษี เป็นต้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีแรกถือว่าทำได้ตามเป้าที่ 17.5 ล้านคน
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สทท. กล่าวว่า เพื่อให้รายได้บรรลุเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาท สทท. มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย
1.เติมนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ล้านคน ระยะสั้น 1.5 ล้านคน ในไตรมาส 3 เช่น ตะวันออกกลาง อินเดีย จีนและคนเชื้อสายจีน อาเซียน และออสเตรเลีย และไตรมาส 4 อีก 2.5 ล้านคน ในช่วง Hi-Season โดยจัด Mega Event, Joint Promotion และ Influencer
2.เพิ่ม Spending โดยเพิ่มวันพัก เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อวัน หากิจกรรมเสริม เติมเมืองน่าเที่ยว เติมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กีฬา ชุมชน สิ่งแวดล้อม อาหาร ผลไม้ สินค้าของฝาก OTOP / GI ผ่าน Softpower ต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มรายได้ 12%
3. เพิ่มรายได้ไทยเที่ยวไทย ด้วย บัสทัวร์ทั่วไทย รัฐทัวร์ทั่วไทย และ Digital Wallet เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มรายได้ 250,000 ล้านบาท ได้ในปีนี้
4. เพิ่มพันธมิตรทางการตลาด โดยสร้าง Thailand Team 29 สำนักงาน ททท. x 10 agent ช่วยกันทำตลาดเชิงรุก-เชิงรับ ร่วมกับ 100 คลังสมองท่องเที่ยวไทย
5. เพิ่มศักยภาพบุคลากรและผู้ประกอบการ ด้วย Tourism Clinic เช่น อบรมมัคคุเทศก์และ facilitator สำหรับ Medical & Wellness, การฝึกอบรมภาษาอาหรับ จีน รัสเชีย เกาหลี ฯลฯ, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ Mega Trend, การบริหารการเงินและภาษี, การใช้เทคโนโลยี AI & Cloud เพื่อการท่องเที่ยว, การยกระดับสู่ Tourism Development Goal (STG) เป็นต้น
6. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของการท่องเที่ยวในระยะยาว เพื่อผลักดันดัชนี TTDI จากอันดับที่ 47 สู่ 25 ของโลก โดยใช้กองทุนท่องเที่ยวฯ เพื่อซ่อมสร้างคนและแหล่งท่องเที่ยว ยกระดับมาตรฐาน ความปลอดภัย ห้องน้ำสะอาด ป้ายบอกทาง ร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
"สิ่งที่เราเสนอแนะวันนี้ คือ Thailand Team ไปช่วยกัน และไทยเที่ยวไทย เมืองน่าเที่ยวต้องเกิดขึ้นจริง ผมมั่นใจ 3.5 ล้านล้านบาท เป็นไปได้อย่างแน่นอน ถ้า 6 เดือนหลังเราเร่งขับเคลื่อนทุกภาคส่วน"นายชำนาญ กล่าว
นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สทท. กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีแรกถือว่าทำได้ตามเป้าที่ 17.5 ล้านคน แต่ความท้าทายอยู่ที่ครึ่งปีหลัง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ 3 Scenario คือ
1.Worse Case ถือเป็น รายได้ขั้นต่ำที่ต้องทำให้ได้ 2.7 ล้านล้านบาท มาจาก 36 ล้านคน x 50,000 บาท ต่อคนต่อทริป = 1.8 ล้านล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 200 ล้านคนครั้ง x 4,500 = 9 แสนล้านบาท
2.Best Case เป็นเป้าท้าทายที่เป็นไปได้ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน 3 ล้านล้านบาท มาจาก 38 ล้านคน x 50,000 บาท ต่อคนต่อทริป 1.9 ล้านล้านบาท และ 220 ล้านคนครั้ง x 5,000 = 1.1 ล้านล้านบาท จากไทยเที่ยวไทย เป้านี้ถือว่าท้าทาย แต่มีโอกาสทำได้สูง เราควรตั้งเป้าหมายที่ 3.02 ล้านล้านบาทถือเป็น New High เพราะเราเคยได้ 3.01 ล้านล้านบาทในปี 2562
3. Best Case 3.5 ล้านล้านบาท = เป้าหมายสูงสุด ที่ทำได้จาก 40 ล้านคน x 56,000 บาท ต่อคนต่อทริป = 2.24 ล้านบาท และไทยเที่ยวไทยอีก 1.26 ล้านบาท = 229 ล้านคนครั้ง x 5,500 บาท
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า พร้อมนำข้อเสนอ สทท.ไปพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสะอาด ปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใน 55 จังหวัดตาม โครงการ 5 Must do 55 เมืองให้แข่งขันกันโปรโมตการท่องเที่ยวแต่ละจังหวัด รวมถึง โครงการ บัสทัวร์ทั่วไทย 5,000 เที่ยว จะนำไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สิ่งที่ททท.ดำเนินการคือ การรักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเน้นการเพิ่มการใช้จ่ายในกลุ่มลูกค้าคุณภาพ และต้องหาแนวทางให้มีการขยายวันพัก ด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ