เมอร์ริล ลินช์ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวนเมื่อวานนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนมากเท่ากับเมื่อครั้งเกิดเหตุพายุหิมะพัดถล่มประเทศในวงกว้างเมื่อเดือนม.ค.และก.พ.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประเด็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อ การส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า หลิว ติง นักเศรษฐศาสตร์ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนน้อยกว่าเหตุพายุหิมะที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี นอกจากนี้ แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดยังเกิดขึ้นในอาณาบริเวณที่น้อยกว่าเหตุพายุหิมะ และเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เกิดขึ้นในระยะเวลาที่สั้นกว่าพายุหิมะ
เหตุพายุหิมะเมื่อช่วงต้นปีทำให้ระบบการขนส่งภายในประเทศ รวมทั้งทางหลวงและถนนสายสำคัญๆกลายเป็นอัมพาต
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า มณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริคเตอร์นั้น คิดเป็นสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน 3.9% และผลผลิตภาคการผลิตเพียง 2.5% ของผลผลิตในประเทศทั้งหมด
เมอร์ริล ลินช์ ระบุว่า เนื่องด้วยเป็นมณฑลที่ตั้งอยู่ด้านในของประเทศ เสฉวนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ากับต่างประเทศมากนัก ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนจะได้รับผลกระทบมากนักจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ สำหรับผลกระทบต่อเงินหยวนนั้นคงเกิดขึ้นในวงจำกีด เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในภูมิภาคที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้แตกต่างไปจากช่วงที่เกิดพายุหิมะซึ่งส่งผลกระทบต่อบริเวณลุ่มแม่น้ำเพิร์ลและแยงซี
อย่างไรก็ตาม หลิวกล่าวว่า แม้ว่าการผลิตภาคการเกษตรไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก แต่เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้อาจจะทำให้เกิดการคาดการณ์เรื่องอัตราเงินเฟ้อในบางพื้นที่ของประเทศได้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--