ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง, นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์, นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมประชุมหารือกับ นายโจว หมินห้าว ประธานองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แห่งนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อส่งเสริมและขยายโอกาสช่องทางการค้าสินค้าเกษตรในนครเซี่ยงไฮ้ รวมถึงการสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนในเทคโนโลยีการเกษตร และการเข้าร่วมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติที่สำคัญ ณ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งชาติจีนของนครเซี่ยงไฮ้ (China Council for the Promotion of International Trade: CCPIT)
รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เซี่ยงไฮ้เป็นมหานครที่มีความทันสมัย และเป็นตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย เช่น ยางพารา สินค้าประมง และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนที่มีการนำเข้าสูงสุด รวมถึงมณฑลในเขตปากแม่น้ำแยงซี ได้แก่ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลอันฮุย โดยในปี 2566 ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีนำเข้าสินค้าเกษตรไทยรวมปริมาณ 4,101,220 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,012 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งได้กำชับเรื่องการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวจีน
นอกจากนี้ยังได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรในรูปแบบ e-Commerce บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้า การพัฒนาทักษะความสามารถของผู้ประกอบการ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรตามนโยบายรัฐบาล โดยประธาน CCPIT พร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ประธาน CCPIT กล่าวว่า ยินดีที่จะส่งเสริมการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าเกษตรระดับพรีเมียมซึ่งเป็นที่ต้องการ โดยไทยมีระบบการควบคุมคุณภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว หากประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในเรื่องสินค้าเกษตรชนิดใหม่ ๆ ก็เชื่อว่าจะเป็นที่นิยมในตลาดเซี่ยงไฮ้ได้ไม่ยาก เนื่องจากประชากรในเซี่ยงไฮ้เป็นกลุ่มคนทำงานและมีกำลังซื้อสูงมาก รวมถึงพร้อมเปิดรับสินค้าเกษตรใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่มาจากไทย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการสนับสนุนจับคู่ธุรกิจและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญในระดับชาติและระดับนานาชาติระหว่างกัน เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือการค้าและการลงทุนด้านการเกษตร โดยเซี่ยงไฮ้มีการจัดงาน Expo กว่า 700 งานต่อปี จึงเป็นโอกาสสำคัญของไทยและจีนต่อการเพิ่มปริมาณและมูลค่าการค้าในอนาคต รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในตลาดจีน เช่น กาแฟ ข้าวพรีเมียม สินค้าปศุสัตว์ สินค้าประมง เป็นต้น โดยจะเป็นกิจกรรมที่สร้างความใกล้ชิดระหว่างผู้ประกอบการ การส่งเสริมข้อมูลและลู่ทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารที่สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานของไทยและจีน
สำหรับสินค้าเกษตรชนิดใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มมากขึ้น เช่น มังคุดแช่เยือกแข็ง สับปะรดปอกเปลือก ทุเรียนแกะเนื้อแช่เย็น จึงขอให้ CCPIT สนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรดังกล่าว
โดยในปี 2568 เป็นปีที่ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน รมว.เกษตรและสหกรณ์จึงเสนอให้ใช้สินค้าไหมของไทยและจีนเป็นสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลองความความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งฝ่ายจีนเห็นด้วยและยินดีร่วมจัดกิจกรรมสำคัญนี้ต่อไป