เจมส์ ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของวาณิชธนกิจเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า แม้มีความเป็นไปได้ถึง 75% ที่วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อจะสิ้นสุดลง แต่เขาเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐกำลังเริ่มต้นขึ้น
"แม้วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อคลี่คลายลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว" นายไดมอนกล่าว หลังจากคาดการณ์ว่าผลกำไรไตรมาสแรกของเจพีมอร์แกนจะทรุดตัวลงถึงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐ
"เราไม่รู้ว่าภาวะถดถอยนี้จะรุนแรงหรือเบาบาง แต่เราประเมินว่ามีโอกาสถึง 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยถึงขั้นเลวร้ายและรุนแรงพอๆกับที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2525 " เขากล่าว
นอกจากนี้ นายไดมอนกล่าวว่า ธุรกรรมที่เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์นั้น ยังไม่เสร็จสิ้น และกล่าวกับนักลงทุนว่า เขายังเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจซื้อแบร์ สเติร์นส์ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แม้เจพีมอร์แกน ต้องเสี่ยงต่อการแบกรับภาระหนี้สินของแบร์ สเติร์นส์ก็ตาม
ทั้งนี้ นายไดมอนคาดว่า ผลประกอบการในปี 2552 ของแบร์ สเติร์นส์ จะมีอยู่ราว 800 ล้านดอลาร์ ถึง 1.13 พันล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้เจพีมอร์แกนได้ทำสัญญาจ้างพนักงาน 40% จากทั้งหมด 14,000 คนของแบร์ สเติร์นส์ และจัดหางานในที่อื่นๆให้กับพนักงานอีก 1,500 คนของแบร์ สเติร์นส์ สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--