นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้จ่ายงบประมาณในวงเงิน 1,939.75 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายจ่ายเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าไฟฟ้าเดือนม.ค.-เม.ย. 67 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน
โดยแบ่งเป็น กรอบวงเงินของ กฟน. จำนวน 356.30 ล้านบาท และเป็นกรอบวงเงินของ กฟภ. จำนวน 1,583.45 ล้านบาท โดยให้ กฟน. และ กฟภ. เบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) รายงานว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาพลังงานของประเทศมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายไฟฟ้าแก่ประชาชน กฟน. และ กฟภ. ได้ดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย.67 (ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 21 สตางค์/หน่วย ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งสามารถประมาณการงบประมาณที่ใช้ดำเนินการได้ ดังนี้
ใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย.67
- กฟน. ผู้ใช้ไฟฟ้า 2.38 ล้านราย วงเงิน 356.30 ล้านบาท
- กฟภ. ผู้ใช้ไฟฟ้า 15.35 ล้านราย วงเงิน 1,583.45 ล้านบาท
รวมผู้ใช้ไฟฟ้า 17.73 ล้านราย วงเงิน 1,939.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณ แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบกระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. และ กฟภ. ใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายจ่ายเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินจำนวนทั้งสิ้น 1,939.75 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบฯ เพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า การช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้า จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระค่าไฟฟ้า/ค่าครองชีพแก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงช่วยให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมขับเคลื่อนได้ในระยะต่อไป