การเมืองไม่นิ่ง-ต้นทุนธุรกิจพุ่ง กดดันดัชนีเชื่อมั่นหอการค้า มิ.ย.ลดทุกภูมิภาค

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 11, 2024 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การเมืองไม่นิ่ง-ต้นทุนธุรกิจพุ่ง กดดันดัชนีเชื่อมั่นหอการค้า มิ.ย.ลดทุกภูมิภาค

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนมิ.ย. 67 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-28 มิ.ย. 67 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 54.2 ลดลงจากระดับ 55.1 ในเดือนพ.ค. 67

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีฯ อยู่ที่ 53.7 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.7
  • ภาคกลาง ดัชนีฯ อยู่ที่ 53.8 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.9
  • ภาคตะวันออก ดัชนีฯ อยู่ที่ 56.9 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 57.7
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 52.8 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 53.6
  • ภาคเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 54.5 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 55.2
  • ภาคใต้ ดัชนีฯ อยู่ที่ 53.4 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.5
การเมืองไม่นิ่ง-ต้นทุนธุรกิจพุ่ง กดดันดัชนีเชื่อมั่นหอการค้า มิ.ย.ลดทุกภูมิภาค

ปัจจัยลบ ได้แก่

1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

2. ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าพลังงานที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

3. ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.60 บาทต่อลิตร อยู่ที่ระดับ 38.38 และ 38.75 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ ยังคงทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา

การเมืองไม่นิ่ง-ต้นทุนธุรกิจพุ่ง กดดันดัชนีเชื่อมั่นหอการค้า มิ.ย.ลดทุกภูมิภาค

4. SET Index เดือน มิ.ย. 67 ปรับตัวลดลง 44.70 จุด จาก 1,345.66 ณ สิ้นเดือน พ.ค. 67 เป็น 1,300.96 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 67

5. ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 36.636 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน พ.ค. 67 เป็น 36.704 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 67 สะท้อนว่ามีการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ

6. ความกังวลต่ออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่รัฐบาลจะให้มีการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น

7. ความกังวลจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายต่อธุรกิจในพื้นที่

8. ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย ที่ยังมีความไม่แน่นอน ตลอดจนนโยบายด้านเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน

ปัจจัยบวก ได้แก่

1. ภาครัฐออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 พ.ย. 67

2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์

3. นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น

4. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัว ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และมีกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น

5. การส่งออกของไทยเดือนพ.ค. 67 ขยายตัว 7.20% มูลค่าอยู่ที่ 26,219.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลง 1.66% มีมูลค่าอยู่ที่ 25,563.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 656.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจได้เสนอแนวทางดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้

  • แนวทางการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อช่วยเหลือด้านมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย เช่น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นที่สามารถเพิ่มยอดคำสั่งซื้อสินค้า/บริการ ในทุกสาขาธุรกิจ
  • การดูแลปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของธุรกิจ SME
  • เพิ่มแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs ที่ไม่ได้อยู่ในระบบ หรือธุรกิจฐานราก
  • มาตรการช่วยเหลือด้านการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้เข้าถึงโอกาสของตลาดใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • มาตรการกำกับแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ในพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
  • การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจมีความห่วงใยเพิ่มขึ้นต่อทิศทางการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ซึ่งแม้คณะกรรมการไตรภาคีจะยังไม่สรุปชัดเจนว่าจะให้ปรับขึ้นได้ 400 บาท/วันทั่วประเทศหรือไม่ก็ตาม ซึ่งต้องติดตามว่าหากมีการปรับขึ้นจริง รัฐบาลจะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบนี้ให้กับภาคธุรกิจอย่างไร เช่น การเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น หรือการช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ