หลังจากฝ่ายค้าน โดยพรรคก้าวไกล ได้มีการตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีถึงการใช้งบกลาง 43,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แต่กลับไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงบประมาณ ชี้แจงเรื่องการใช้งบฯ กลาง หลังถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่า การนำงบฯ กลางฉุกเฉินแบ่งไว้เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประมาณ 43,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของงบฯ กลางฉุกเฉิน ซึ่งยังเหลืองบฯ เพียงพอต่อการบริหารประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยประเมินว่า เพียงพอ เพราะเมื่อดูจากสถิติการใช้งบฯ ในช่วงเวลาที่เหลือ มีสถิติอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท จากงบฯ กลางฉุกเฉินทั้งหมด 99,600 ล้านบาท
"ตามกฎหมายสามารถนำมาใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้สำนักงบฯ ได้สอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว" นายจักรพงษ์ กล่าว
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลมีการใช้งบฯ กลางฉุกเฉิน ในการช่วยเหลือประชาชนหลายโครงการ อาทิ โครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค, การช่วยเหลือภัยพิบัติน้ำท่วม-น้ำแล้ง, อุดหนุนค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เมษายน, การบริหารจัดการน้ำในหลายจังหวัด, เงินชดเชยค่าทำลายสุกร โดยผลการเบิกจ่ายงบฯ กลางดังกล่าว ได้เบิกจ่ายไปเพื่อช่วยประชาชนแล้ว และมีการทำสัญญาแล้วกว่า 70.75% คิดเป็น 435,780 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรวมงบฯ กลางทั้งหมด 11 รายการ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้หลายกระทรวงที่มีการร้องขอให้ใช้งบฯ กลางเข้าไปช่วยเหลือ ให้กลับไปใช้งบประมาณของกระทรวงตนเองก่อน เพื่อให้การใช้งบฯ มีประสิทธิภาพที่สุด และขอยืนยันว่า การช่วยเหลือประชาชน ไม่จำเป็นต้องต้องใช้งบฯ กลางเพียงอย่างเดียว รัฐบาลยังมีการบริหารจัดการในเรื่องอื่น ๆ อีก
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า หากดูในรายละเอียดจะเห็นได้ว่า GDP ของประเทศที่โตขึ้นมาได้มาจากภาคการท่องเที่ยว ที่แทบไม่ได้ใช้งบประมาณบริหาร แต่สามารถทำให้ตัวเลข GDP ภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ และเป็นตัวช่วยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินอยู่ได้ รวมถึงยังมีเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้งบฯ น้อย แต่ผลงานการจับกุมได้มากขึ้น
นายจักรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี เรียกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมที่ตึกไทยคู่ฟ้าในวันนี้ว่า เป็นการเรียกมาหารือเรื่องยาเสพติด เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ที่จังหวัดไหน ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงได้เรียกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย มาปรึกษาหารือกันเองก่อนว่า จะมีวิธีการอย่างไรในการปราบปรามยาเสพติดได้มากยิ่งขึ้น
นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องอื่น ส่วนในเรื่องของปุ๋ยคนละครึ่ง ได้มีการพูดคุยกันแล้วในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ตั้งใจเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร