กยท. เตรียมจับมือ RISDA มาเลฯ เพิ่มมูลค่า-สร้างรายได้ชาวสวนยาง 2 ปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday July 13, 2024 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กยท. เตรียมจับมือ RISDA มาเลฯ เพิ่มมูลค่า-สร้างรายได้ชาวสวนยาง 2 ปท.

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยด้านการเจรจาเรื่องยางพารา ร่วมพบปะประธานกรรมการ RISDA คณะผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกลุ่มผู้นำเกษตรกรชาวสวนยางของมาเลเซีย โดยระบุว่า การเยือนประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการพัฒนายางพาราทั้งระบบ และมุ่งมั่นให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับยางพาราในทุก ๆ ภาคส่วน ซึ่งบทบาทที่สำคัญของทั้งสองประเทศ คือ ภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรม

ดังนั้น การเจรจาในครั้งนี้ ได้มีการผลักดันความร่วมมือในภาคการผลิต ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำอาชีพการทำสวนยางให้ได้มาตรฐาน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาและสร้างรายได้ ตลอดจนเพิ่มมูลค่ายางให้กับเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในด้านราคาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของสองหน่วยงานที่จะมีความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยระหว่างประเทศร่วมกัน ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ Rubber Industry Smallholders Development Authority (RISDA) ภายใต้ Ministry of Rural and Regional Development ซึ่งทุกองค์กรมีภารกิจในสอดคล้องกัน และสามารถที่นำแนวทางมาต่อยอดเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรรายย่อยให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านโครงการริเริ่มและนโยบายของกันและกันได้ และคาดว่าความร่วมมือในอนาคตจะขยายขอบเขตสู่ประเทศผู้ผลิตยางในแถบภูมิภาคอาเซียน

นายเพิก เลิศวังพง ประธานกยท. กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยให้ดียิ่งขึ้นมีรายได้ที่ดี และพัฒนาอาชีพการทำสวนยางให้เป็นอาชีพที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งประเทศมาเลเซีย มีเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยรวมกว่า 500,000 ราย มีพื้นที่สวนยางรวมประมาณ 1,000,000 เฮกตาร์ (6,250,000 ไร่) โดยปัจจุบันมีปริมาณผลผลิตลดลงแม้ว่าจำนวนเกษตรกรจะไม่เปลี่ยนแปลงนัก โดยในหลายปีที่ผ่านมามีผลกระทบจากราคายางและขาดความต่อเนื่องในการสืบทอดอาชีพของเกษตรชาวสวนยางรุ่นเยาว์ต่อภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรมยาง

ในขณะที่ประเทศไทยมีเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยกว่า 1.4 ล้านราย และพื้นที่รวมประมาณ 20 กว่าล้านไร่ ดังนั้น หากทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกัน จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในการพัฒนาเกษตรกรชาวสวนยางระหว่างประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยจะขับเคลื่อนการพัฒนาผลผลิต การนำเทคโนโลยีที่ดีจากทั้งสองประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐาน และสามารถยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้มีความเป็นอยู่ดี รวมทั้งการพัฒนาเรื่องราคาและตลาดยางพาราในภาคการผลิตให้มีความเป็นธรรม จะเป็นโอกาสที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเกษตรกรชาวสวนยางที่เปลี่ยนแปลงบทบาทให้มีโอกาสในภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ