ททท. กางแผนปี 68 ชู "เสน่ห์ไทย-เมืองน่าเที่ยว" ตั้งเป้ารายได้โต 7.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 16, 2024 10:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ททท. กางแผนปี 68 ชู

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอทิศทางการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยว ปี 68 ย้ำเตรียมพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เดินหน้าพลิกฟื้นศักยภาพท่องเที่ยวไทยทั้งระบบ ด้วยการกระตุ้น Demand ยกระดับ Supply และมุ่งสู่ความยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของพันธมิตรทุกภาคส่วน ชู "เสน่ห์ไทย" และ "เมืองน่าเที่ยว" เป็นจุดขายสำคัญ ดึงดูดตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าหมายปี 68 รายได้เติบโต 7.5% จากปีนี้

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 8 เสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ภายใต้นโยบาย IGNITE THAILAND?S TOURISM ซึ่งมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ททท. กางแผนปี 68 ชู

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องให้ความสำคัญ ดังนี้

1. การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ไปสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และยั่งยืน (High Value and Sustainability)

2. ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ตลอดจนการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง จึงจะนำไปสู่ปลายทางความสำเร็จของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสมดุล

ททท. กางแผนปี 68 ชู

ด้าน น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปี 68 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะก้าวไปสู่ Amazing Thailand Grand Tourism Year อย่างยิ่งใหญ่ สอดรับนโยบาย IGNITE Thailand?s Tourism ของรัฐบาล โดยเรายังคงสานต่อหัวใจสำคัญอย่าง การกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand), การยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สร้างมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ภายใต้การเสริมกำลังซึ่งกันและกันของทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360o) และเดินหน้าสู่ความยั่งยืน

ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ ผลักดันการเติบโตรายได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 7.5% สูงกว่าการเติบโตของ GDP ประเทศไทยปี 68 ถึง 1.7 เท่า พาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับไปอยู่ ณ จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 39 ล้านคน และดึงไทยเที่ยวไทยมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่จะเป็นเรือธงอันทรงพลังผลักดันให้เศรษฐกิจไทย สังคมไทย และคนไทยเติบโตไปด้วยกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน นำประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวระดับโลก

น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ปี 68 "เสน่ห์ไทย" และ "เมืองน่าเที่ยว" จะกลายเป็น Highlight Product อันเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ ททท. จะนำมารังสรรค์เป็นเมนูประสบการณ์ทรงคุณค่า ที่กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว ขยายฐานตลาด กระตุ้นความถี่และการกระจายตัวสู่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยมากขึ้น

ด้าน "เสน่ห์ไทย" จะนำเสนอเชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do in Thailand ของรัฐบาล ประกอบด้วย

1. Must Taste อาหารไทย บอกเล่าที่มาความอร่อยและวิถีการกินของคนแต่ละภาค

2. Must Try มวยไทย และเรื่องราวศิลปะการต่อสู้ที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก

3. Must Buy แฟชั่น ผ้าไทย และงานฝีมือ งานคราฟต์ที่เล่าเรื่องราวชีวิต การสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของคนไทย

4. Must Seek สถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใหม่ ๆ หรือมุมมองและเรื่องราวใหม่ ๆ

5. Must See เทศกาลงานประเพณี ที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อของคนแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย

ในส่วนของ "เมืองน่าเที่ยว" จะเพิ่มพลังให้เป็นเมืองที่น่าไปเที่ยวไปเยือนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยดึงกลยุทธ์ City Marketing พัฒนาเมืองต่าง ๆ ให้เติบโตเข้าใกล้ความเป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว ค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยของแต่ละพื้นที่ หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง จากภาคสู่ภาค เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็น High Season ตลอดทั้งปี

* ตลาดในประเทศ

สำหรับตลาดในประเทศ "ไทยเที่ยวไทย" รับโจทย์ท้าทายที่การมุ่งให้เกิดการเดินทางทันที เพิ่มความถี่ กระตุ้นการใช้จ่าย รวมทั้งดึงกลุ่มศักยภาพ (ไทยเที่ยวนอก) ให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมแคมเปญ "สุขทันที ที่เที่ยวไทย" ชวนคนไทยออกไปสุขทันทีที่ได้ไปใช้เวลาท่องเที่ยวกับคนที่รัก สิ่งที่รัก พร้อมใช้ Big Events และ Local Events ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา และนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวที่ตรงใจ กระตุ้นการใช้จ่ายของ Sub-culture Segment พร้อมกับการนำเสนออัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย

  • ภาคเหนือ ชวนสัมผัส Season of the North เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ ที่ผสานความสร้างสรรค์และความยั่งยืนอย่างลงตัว ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดประสบการณ์อาหารถิ่นผ่าน Gastronomy Tourism และม่วนคักกับความสนุกสนานของเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกความเป็นมา และเป็นไปของชีวิตผู้คน จากนั้นค่อยเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของ
  • ภาคกลาง พื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่มาพร้อมความสุขอันเรียบง่าย ผ่านเรื่องราวมรดกศิลปวัฒนธรรม ศรัทธาและอาหาร แล้วไปสนุกกับ
  • ภาคตะวันออก สีสันตะวันออก Colorful Burapha ด้วยกีฬากิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับพืชผัก ผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่
  • ภาคใต้ GO SOUTH ไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินทางแบบ Wellcation และ Carbon Neutral Tourism พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล
*ตลาดต่างประเทศ

สำหรับ "ตลาดต่างประเทศ" มุ่งผลักดันการเติบโตของตลาดศักยภาพ 23 ตลาดทั่วโลก ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่า 80% ของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 67 รวมถึงเพิ่มจำนวนตลาด 7 digits ให้ได้ถึง 13 ตลาดในปี 68

ขณะเดียวกัน พร้อมสานต่อผลักดันการเพิ่ม Seat Capacity เข้าไทย ทั้งการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน เพิ่มเส้นทางบินใหม่ และขยายระยะเวลาการบิน ทั้ง Regular Flight และ Charter Flight ส่งเสริม "เมืองน่าเที่ยว" ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และ "เสน่ห์ไทย" ที่สอดคล้องกับความต้องการ และรสนิยมของนักท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ และต่อยอดกระแสความนิยมซีรีย์ ภาพยนตร์และ Music VDO ที่ถ่ายทำในประเทศไทยในกลุ่มแฟนดอม (Fandom) ให้เดินทางมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปี 68

ทั้งนี้ เริ่มที่ตลาดระยะใกล้ เตรียมพิชิตเส้นชัยด้วย 2 แนวทางหลัก ได้แก่

1. เจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อายุน้อยลง อย่างกลุ่ม New Gen ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง

2. กระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว Sub-segment ศักยภาพ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้มีรายได้สูง อาทิ กลุ่ม Shopping mania ในตลาดอาเซียน และกลุ่มขับรถเที่ยว และกลุ่มท่องเที่ยวทางรถไฟจากมาเลเซีย สิงคโปร์และจีน

โดยเฉพาะอย่างตลาดจีน ในปี 68 ททท. จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปีอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยกิจกรรมทั้งในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกิจกับธุรกิจ และระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อาทิ Nihao month เชิญอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกเดินทางมาประเทศไทย พร้อมทั้งจัด Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตร กิจกรรม Chinese Passport Special Deals กระตุ้นการเดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักของนักท่องเที่ยวจีนจากพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองของจีนเข้าไทย

* ตลาดระยะไกล

สำหรับตลาดระยะไกล ทั้งตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ให้น้ำหนักไปที่การขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพและการฟื้นความจุและความถี่ของเที่ยวบิน โดยมุ่งปักธงพื้นที่ตลาดใหม่ สร้างการรับรู้สินค้าและบริการท่องเที่ยว อาทิ เจาะกลุ่มตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ Quality Leisure โดยเฉพาะกลุ่ม First Visit ในตลาด UK และ Ireland ยุโรปตะวันตกและบอลข่าน ฝรั่งเศส โมนาโค และเบเนลักซ์

นอกจากนี้ ยังเจาะกลุ่ม New Gen ในตลาดอเมริกา และแคนาดาที่ใส่ใจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งกลุ่ม Gen-Z ที่มองหาประสบการณ์ที่ให้ความหมายกับชีวิต กลุ่ม Millennials ที่ต้องการเจาะลึกวัฒนธรรมท้องถิ่น และ Active Outdoor Experience และกลุ่ม Asian American ตลาดที่เติบโตรวดเร็วและมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง รวมไปถึงเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายสูง เช่น กลุ่ม DINKs (Double Income, No Kids) และ LGBTQIAN ตลอดจน ตลาด Luxury ในกลุ่ม 6 ประเทศอาหรับ

ทั้งนี้ ททท. จะใช้ แคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End สำหรับตลาดต่างประเทศ เพื่อชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในประเทศไทย ค้นพบมุมมองใหม่ ให้เป็นเรื่องราวแห่งความประทับใจ มีคุณค่าและความหมาย เกิดเป็นการบอกต่อเรื่องราวและเดินทางซ้ำไม่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกถึงการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเสมอ

นอกจากนี้ การมุ่งสู่ "ความยั่งยืน" ก็ยังคงเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ และภูมิคุ้มกันระยะยาวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดย ททท. จะเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาแบรนด์ Amazing Thailand ให้เป็นแบรนด์ท่องเที่ยวไทยที่มุ่งสู่ความยั่งยืนบนรากฐานของเสน่ห์ไทยอันเป็นเอกลักษณ์

ขณะเดียวกัน พร้อมพัฒนา Supply Chain เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการตลาดอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ STGs STAR โครงการ CF Hotels และโครงการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards ที่จะผลักดันผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการขายอย่างจริงจัง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และก้าวสู่เวทีความยั่งยืนระดับโลก ที่ถูกรับรองด้วยรางวัลและมาตรฐานสากลต่อไป

ททท. เชื่อมั่นว่า ปี 68 จะเป็น Amazing Thailand Grand Tourism Year ก้าวต่อไปของการท่องเที่ยวไทยที่ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง ก้าวข้ามอุปสรรค ความท้าทาย และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาร่วมสัมผัสความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย Grand Invitation ความภาคภูมิใจในเสน่ห์ไทยที่เกิดจากการเปิดรับความหลากหลาย และเปิดกว้างพร้อมที่จะแชร์เรื่องราว และคุณค่ากับผู้มาเยือน ให้มาร่วมสัมผัสการต้อนรับด้วยมิตรไมตรี จากความร่วมมือร่วมใจของพันธมิตรและคนไทย Grand Collaboration ที่อยากจะส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่พิเศษและทรงคุณค่า Grand Privilege มาร่วมแบ่งปันความสุขแบบไทย ๆ ด้วยงานเฉลิมฉลองและเทศกาลยิ่งใหญ่ Grand Festivity และมาสร้าง Moment ที่มีความหมาย Moment ที่ดีต่อใจและดีต่อโลก Grand Moment เพื่อเก็บความประทับใจไว้เป็นเรื่องเล่าต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ