ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (22-26 ก.ค.) ที่ระดับ 36.00-36.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค และประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนก.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 (advanced) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน ก่อนจะลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาในช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ทยอยฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เงินบาทแข็งค่าหลุดแนว 36.00 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 35.82 บาท/ดอลลาร์ในช่วงกลางสัปดาห์ ตามทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย นำโดยเงินเยนซึ่งแข็งค่าขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าเร็ว นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับ Sentiment ของเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนแอลงท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่ากว่าแนว 36.00 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง ตามจังหวะแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวกลับมาตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ตลาดปรับตัวตอบรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปมากแล้ว ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.ค.67 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.27 บาท/ดอลลาร์ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน 35.82 บาท/ดอลลาร์ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 36.19 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 ก.ค.67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 ก.ค.67 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,755.2 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 1,118.3 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 785.3 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 333 ล้านบาท)