นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนมิ.ย.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การบริโภคสินค้าคงทน และการลงทุนภาคเอกชน ยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ และปริมาณการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า : โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.5% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -1.8% ยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -14.7% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -4.7%
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนมิ.ย.67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 58.9 จากระดับ 60.5 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนมิ.ย.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.9
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.2% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -7.7% ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -25.3% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -7.5%
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -6.5% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -0.5% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -18.7% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -5.8%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนมิ.ย.67 อยู่ที่ 24,796.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.3% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า หดตัว -1.6% ตามการลดลงของสินค้าน้ำตาลทราย ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี สินค้าข้าว ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวที่ 96.6% 28.8% 22.0% และ 20.1% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวลดลงในตลาดจีน ญี่ปุ่น และทวีปออสเตรเลีย ลดลง -12.3% -12.3% และ -4.5% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดตะวันออกกลาง อินเดีย อินโดจีน (4) และสหรัฐฯ ขยายตัว 16.1% 10.1% 7.6% และ 5.4% ตามลำดับ
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนมิ.ย.67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.74 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 22.3% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 1.9% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และ สปป. ลาว ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนมิ.ย.67 จำนวน 21.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 5.6%
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนมิ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -6.3% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า -4.7% ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และผลผลิตในหมวดไม้ผล อย่างไรก็ดี ผลผลิตปาล์มน้ำมัน และผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ ยังคงขยายตัว
สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมิ.ย.67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 87.2 จากระดับ 88.5 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง กำลังซื้อผู้บริโภคยังอ่อนแอจากปัญหาหนี้สินที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิ.ย.67 อยู่ที่ 0.62% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.36% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพ.ค.67 อยู่ที่ 64.3% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
- สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.67 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 224.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ