ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ดำเนินโครงการสินเชื่อ SME green productivity วงเงิน 15,000 ล้านบาท และให้ ธพว. แยกบัญชีการดำเนินโครงการออกจากการดำเนินการตามปกติ เป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account: PSA)
รวมทั้งสามารถนำส่วนต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ได้รับชดเชย เพื่อบวกกลับในการคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการสินเชื่อ SME Green Productivity เป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ และมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะสามารถฟื้น, ปรับปรุงกิจการ, ขยายธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ รวมถึงเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรม
โดยโครงการดังกล่าว มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สำคัญ เช่น
- วงเงินโครงการ 15,000 ล้านบาท
- วงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 อัตรา 3% ต่อปี (รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้ ธพว. 3% ใน 3 ปีแรก) โดยปีที่ 4 เป็นต้นไปให้เป็นไปตามที่ ธพว. กำหนด โดยมีระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี)
- ผู้กู้สามารถใช้ประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมค้ำประกัน หรือใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ตามที่ ธพว. กำหนด และมีระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ โดยจะสิ้นสุดรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อร่วมในโครงการจะหมด
ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ธพว. มีความจำเป็นต้องขอรับงบประมาณชดเชยจากรัฐบาล เพื่อชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว. รวมทั้งทั้งสิ้นไม่เกิน 1,350 ล้านบาท ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นชอบ