นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการด้านภาษีดึงแรงงานหัวกะทิไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้กลับบ้านมาทำงานในไทย ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งผู้ถูกจ้าง และนายจ้าง ดังนี้
สิทธิประโยชน์
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ลูกจ้าง)
สำหรับลูกจ้างตามคุณสมบัติที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายสูงกว่า 17% ให้ลดเหลือ 17% ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ เนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด โดยต้องเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึง 31 ธันวาคม 72
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (นายจ้าง)
บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด สามารถหักรายจ่ายที่จ่ายเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานของลูกจ้างตามคุณสมบัติ ระหว่างวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 72 ได้จำนวน 1.5 เท่า
คุณสมบัติ
1. สัญชาติไทย มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
2. ทำงานในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ปี
3. กลับเข้าไทยตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธันวาคม 68
4. เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด และได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
5. ไม่เคยทำงานในไทย ในปีภาษีที่มีการเริ่มใช้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้
6. ต้องไม่ได้เข้ามาอยู่ไทยก่อนปีภาษีที่ใช้สิทธิอย่างน้อย 2 ปี หรือถ้าอยู่ต้องอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือหลายระยะเวลา รวมทั้งหมดไม่ถึง 180 วันในปีภาษีนั้นๆ
7. ในปีภาษีที่ใช้สิทธินั้น ต้องอยู่ไทยรวมเวลาทั้งหมดไม่น้อยกว่า 180 วัน เว้นแต่ปีภาษีแรกและปีภาษีสุดท้าย ที่ใช้สิทธิจะอยู่ในไทยน้อยกว่า 180 วันก็ได้
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รายงานว่า มาตรการนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายทำงานอยู่ในต่างประเทศและไม่เคยเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับประเทศไทย ในทางตรงกันข้ามการดำเนินมาตรการนี้อาจเพิ่มการจัดเก็บรายได้ให้แก่รัฐบาล ส่วนกรณีภาษีเงินได้นิติบุคคลคาดว่าจะสูญเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 120 ล้านบาทจากการคาดการณ์ว่าจะมีคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศกลับเข้ามาทำงานจำนวนราว 500 คน ซึ่งเป็นสาขาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีดังกล่าวจะช่วยดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระตุ้นให้เกิดการลงทุน และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และนอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล Thailand Vision "IGNITE Thailand" อีกด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประชาสัมพันธ์มาตรการนี้ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกประชาสัมพันธ์ให้บริษัทที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายรับทราบรายละเอียดของมาตรการนี้ด้วย