นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า บอร์ด กกพ.เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติตรึงค่าไฟงวดใหม่ เดือน ก.ย.-ธ.ค.67 ไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งจากการเปิดรับฟังความคิดเห็น 3 แนวทางผ่านมาทางเว็บไซด์ กกพ. เมื่อวันที่ 12-26 ก.ค.67 พบว่าส่วนใหญ่เห็นว่าควรตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย แต่ก็มีบางส่วนก็แสดงความคิดเห็นในการปรับขึ้นค่าไฟเพื่อทยอยใช้หนี้ กฟผ.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บมจ.ปตท. (PTT) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกรับภาระหนึ้ทั้งสองก้อนไว้ก่อน คือ หนี้ กฟผ. จำนวน 9.8 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าก๊าซ (AFGAS) ของทั้ง ปตท.และ กฟผ. รวม 1.5 หมื่นล้านบาท โดยค่าไฟงวดต่างๆ ยังมีเงินใช้หนี้ กฟผ. 5 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นประมาณ 3,200 ล้านบาท ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้หนี้ของ กฟผ.จะลดลงเหลือ 95,228 ล้านบาท และหนี้ค่าก๊าซจะอยู่ที่ 15,084 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มค่าไฟปี 68 คาดว่าทิศทางราคาก๊าซจะลดลง ซึ่งในงวดปลายปี 67 คาดการณ์ราคา LNG ไว้ที่ระดับ 13 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู คาดเฉลี่ยทั้งปีหน้าจะต่ำกว่า 13 เหรียญต่อล้านบีทียู ส่งผลให้สามารถดรึงค่าไฟไว้ที่ระดับ 4.18 บาทต่อหน่วยได้ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับราคาก๊าซและค่าเงินบาทด้วย
ส่วนการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการพลังงาน (กบง.) มอบหมายให้ กกพ.ปรับหลักเกณฑ์ คาดว่าจะมีความชัดเจนและสามารถออกประกาศเชิญชวนได้ภายในไตรมาส 4/67 ซึ่งการปรับหลักเกณฑ์นั้น อาทิ เดิมกำหนดให้ผู้ที่ฟ้องร้องในรอบแรกไม่สามารถเข้าร่วมยื่นขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ได้ แต่ตามมติ กบง.จะให้ปรับแก้ในส่วนนี้ ดังนั้น ผู้ที่ยื่นฟ้องร้องจะมีสิทธิยื่นขายไฟรอบ 2 ได้