ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกซึ่งไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ปรับตัวสูงขึ้น และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะหยุดพักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโร่วงลงแตะระดับ 1.5477 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.5546 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 1.9453 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9575 ดอลลาร์/ปอนด์
เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 104.76 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 103.76 เยน/ดอลลาร์ และแข็งขึ้นแตะระดับ 1.0528 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0435 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.7644 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7708 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9406 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9473 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% ส่วนยอดค้าปลีกโดยรวมลดลง 0.2% แตะระดับ 3.781 แสนล้านดอลลาร์
อาร์ชาฟ ไลดี นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัทซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ ยูเอสเอ กล่าวว่า "ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐ แต่กดดันสกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจหยุดพักการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งอย่างร้อนแรงทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐสูงขึ้นด้วย"
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ออกแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ว่า ภาวะผันผวนในตลาดการเงินเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว และปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองก็ลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่า ตลาดการเงินและตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะกลับสู่ภาวะปกติได้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--