สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนก.ค. 67 อยู่ที่ 108.71 หรืออัตราเงินเฟ้อ สูงขึ้น 0.83% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.4-0.8% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มอาหาร โดยเฉพาะข้าวสารเจ้า, ข้าวสารเหนียว และอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค. 67) เฉลี่ยอยู่ที่ 0.11%
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนก.ค.67 อยู่ที่ 104.93 หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน สูงขึ้น 0.52% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 0.42%
ในเดือนก.ค.67 มีรายการสินค้าและบริการที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. 66 ดังนี้
- สินค้าที่ราคาสูงขึ้น 269 รายการ ได้แก่ ข้าวสารเจ้า, ข้าวสารเหนียว, ไข่ไก่, ต้นหอม, ทุเรียน, กับข้าวสำเร็จรูป, นมสด, น้ำมัน
- สินค้าที่ราคาคงเดิม 48 รายการ ได้แก่ ชุดนอนเด็ก, นิตยสาร, ก๊าซหุงต้ม, น้ำประปา, ค่าโดยสารแท็กซี่
- สินค้าที่ราคาลดลง 112 รายการ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า, เนื้อสุกร, มะนาว, ผักคะน้า, น้ำมันพืช, แชมพู, ผงซักฟอก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ จากข้อมูลล่าสุดเดือนมิ.ย.67 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทย ยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ต่ำเป็นอันดับ 5 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว)
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน ส.ค.67 คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี มีปัจจัยสำคัญที่อาจจะทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง ได้แก่ 1.ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน จากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ 2. ราคาเนื้อสุกรยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากมีอุปทานเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ทำให้ราคายังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 3. ราคาผักสดมีแนวโน้มลดลง หลังเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ และ 4. ฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง โดยเดือนส.ค.66 ราคาอยู่ที่ 86.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับค่าเฉลี่ยล่าสุดอยู่ที่ 79.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (ณ 30 ก.ค.67)
ขณะที่มีปัจจัยที่อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 1. ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2. ราคาสินค้าและบริการในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารเครื่องบิน ตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว และ 3. ราคาผลไม้ปรับตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียน และเงาะ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 ว่าจะอยู่ในช่วง 0.0-1.0%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า เป้าหมายเงินเฟ้อของปี 67 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คาดไว้ที่ 0.0-1.0% นั้น ไม่ได้มีการนับรวมผลจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากมองว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เป็นการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ ไม่ใช่การเพิ่มต้นทุนการผลิต จึงไม่น่ามีผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ผลิตสินค้าน่าจะเร่งจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายจากการที่ประชาชนได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากกว่า ดังนั้นการคาดการณ์เป้าหมายเงินเฟ้อปีนี้ จึงไม่ได้รวมผลโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้าไว้
"ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นฝั่งผู้บริโภค เป็นการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศให้เพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่การเพิ่มต้นทุนการผลิตสินค้า ดังนั้น ราคาสินค้าจึงไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ขายน่าจัดโปรโมชั่นแข่งขันกันมากกว่า...การปรับราคาสินค้าของผู้ขายนั้น กรมการค้าภายในมีการดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว ให้การปรับราคาสินค้าอย่างเป็นธรรม ไม่สูงหรือต่ำเกินควร" นายพูนพงษ์ ระบุ
ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นนั้น สนค.มองว่า จะมีผลกระทบในทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ เพราะหากสถานการณ์สู้รบรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น ย่อมมีผลต่อ supply น้ำมัน และราคาพลังงานโลก ซึ่ง สนค.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี สำหรับอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ อาจจะสูงขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลในประเทศไว้ที่ 33 บาท/ลิตร จะสิ้นสุดในเดือนต.ค.67 นี้ ขณะที่เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดีเซล ช่วงไตรมาส 4 ปี 66 อยู่ที่ 30 บาท/ลิตร
"สัดส่วนสินค้ากลุ่มพลังงาน คิดเป็น 10% ในการคำนวณตะกร้าเงินเฟ้อ เพราะฉะนั้นจึงมีผลมาก (ต่อเงินเฟ้อ) ไตรมาส 4 ปีนี้ คงจะเห็นตัวเลขชัด เพราะมีความแตกต่างของราคาดีเซลในไตรมาส 4 ปีนี้ กับไตรมาส 4 ปีก่อน ต่างกันเยอะ" นายพูนพงษ์ กล่าว