ฌอง-คล้อด ยังเกอร์ รมว.คลังลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) แสดงความพอใจที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ ขณะที่ คริสทีน ลาการ์ด รมว.คลังฝรั่งเศสกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นสกุลเงินยูโรแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินดอลลาร์อยู่ 20% ซึ่งนับว่ามากเกินไป
"การที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มอียูมีความคืบหน้าขึ้นกว่าแต่ก่อน เราไม่ต้องการให้สกุลเงินยูโรเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป และไม่อยากให้ตลาดการเงินเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยระยะสั้น ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน" นายยังเกอร์กล่าว
ค่าเงินยูโรแข็งขึ้น 14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งเพื่อสกัดกั้นเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอย ซึ่งจนถึงขณะนี้ เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว 3.25% นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของเฟดยืนอยู่ที่ 2.00%
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4% มาเป็นเวลานาน เนื่องจากราคาอาหารและน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในยุโรปพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีในเดือนมี.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--