นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษงาน Dailynews Talk 2024 หัวข้อ "ถอดรหัส...โอกาสเศรษฐกิจไทย" โดยระบุว่า จากที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงาน GDP ของไทยในไตรมาส 2/67 ขยายตัวได้ 2.3% พร้อมคาดการณ์ทั้งปี 67 ขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งปัจจุบันศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยควรเติบโตได้มากกว่า 3.5% เพราะหากมองย้อนไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเคยเติบโตสูงถึง 6-10% เนื่องจากที่ผ่านมามีการเติบโตสูงในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
นายพิชัย ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ไหลลงมาเป็นวิกฤติในอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าวันนี้เราเห็นและรู้ตัวก่อน ก็จะต้องเร่งแก้ไข ซึ่งมาตรการที่จะเข้ามาแก้ คงไม่ได้มีเพียงมาตรการเดียว ในขณะที่มาตรการเรื่องดอกเบี้ย เป็นเพียงแค่ 1 ในมาตรการเท่านั้น ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานที่กำกับดูแลอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็จะไปผูกกับเรื่องเงินเฟ้อด้วย
"เงินเฟ้อบ้านเรา ก็น่าแปลกว่า เงินเฟ้อต่ำ แต่คนมีความรู้สึกว่าของแพงขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้ จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำงานคู่กัน" นายพิชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี นายพิชัย ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ขอให้รอฟังผลการพิจารณา
รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา พึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของ GDP แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 65% ซึ่งในส่วนที่หายไปนั้นคิดเป็นมูลค่าราว 1% ของ GDP ซึ่งสะท้อนว่าภาคการผลิตของไทยไม่สามารถตอบสนองตลาดได้ ขีดความสามารถทางการแข่งขันลดลงเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็ว ประเทศไทยปรับตัวได้ไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
นายพิชัย กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน มีการย้ายฐานผลิตระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ อาจเป็นโอกาสที่ดีของประเทศที่ไม่แบ่งขั้วชัดเจน อย่างเช่นประเทศไทย รวมทั้งด้วยจุดแข็งจากทำเลที่ตั้งของประเทศไทย ที่เชื่อมโยงด้วยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งน่าจะเพิ่มโอกาสที่ดีในด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของไทย
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการขยายการลงทุนไปหลายประเทศย่อมต้องการการลงทุนในประเทศที่มีทำเลที่ตั้งเหมาะสม , มีความสะดวกสบายในการประกอบธุรกิจ (ease of doing business) และบุคลากรที่มีทักษะสูง ซึ่งประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ เหล่านี้ควบคู่ไปกับการรองรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ซึ่งการเริ่มเตรียมความพร้อมการลงทุนในวันนี้ อาจยังไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีในระยะอันใกล้ แต่จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงในระยะยาวให้กับประเทศได้ในอนาคต
ดังนั้นจึงมองว่าศักยภาพของประเทศไทยสามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาได้ แต่หากไม่ได้ทำอะไรเลย เศรษฐกิจไทยก็จะอยู่ในภาวะใกล้วิกฤติ
"ทั้งหมดเกิดขึ้นกับประเทศไทย ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ ได้ปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยไม่แพ้ใคร ไทยมีพื้นฐานที่ดี เป็นโอกาส การหยิบฉวยเกิดขึ้นได้ เป็นจริงขึ้นได้ สร้างการเติบโตให้ประเทศ การนำสิ่งนี้มากำหนด Vision ประเทศ เกิดจาก dream บวก action มาเป็น sustainable ที่ดีได้" นายพิชัย กล่าวในตอนท้าย