นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ยืนยันจะผลิตข้าวถุงธงฟ้ามหาชนราคาถูกขายให้ผู้บริโภคในประเทศต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้หรือจนกว่าสถานการณ์ราคาข้าวจะคลี่คลายลง ซึ่งยืนยันว่าการที่รัฐทำข้าวถุงไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ผู้ผลิตข้าวถุงต้องล้มละลาย เพราะทำในปริมาณที่ไม่มาก และไม่ได้ขายต่ำกว่าตลาดมาก
ขณะเดียวกันกำลังพิจารณานำข้าวชนิดอื่นๆ มาบรรจุถุงจำหน่ายด้วย นอกเหนือจากข้าวขาว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตรวจสอบสต๊อกข้าวรัฐบาลทั่วประเทศ เป็นเรื่องที่ดีเพราะราคาข้าวสูงขึ้น อาจมีโอกาสขโมยข้าวออกจากโกดังได้
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(15 พ.ค.)กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาอนุมัติให้รับซื้อข้าวจากเกษตรกรโดยตรง โดยกำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 19,000-20,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,000 บาท
ส่วนจะซื้อปริมาณเท่าใด ใช้เงินเท่าไร วิธีการรับซื้ออย่างไร มีเงื่อนไขใดบ้าง จะมีรายละเอียดหลังจากประชุมกขช.แล้ว อย่างไรก็ตาม ราคารับซื้อจากเกษตรกรอาจสูงขึ้นอีก หากราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 16 พ.ค. คณะกรรมการพิจารณาจัดทำข้าวถุง ที่มีนายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานจะประชุมเพื่อสรุปผลการจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้าชนิดข้าว 5% ล็อตแรก 100,000 ถุง และจะพิจารณาคัดเลือกบริษัทปรับปรุง และบรรจุข้าวถุงธงฟ้าที่จะผลิตในเดือนมิ.ย.นี้ รวมถึงจะกำหนดราคาขายข้าวถุงในล็อต 2 และ 3 อีก 200,000 ถุงที่จะวางขายในวันที่ 20 และ 30 พ.ค.นี้ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--