ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.97/98 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อน รับสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 26, 2024 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 33.97/98 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็ก น้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.93 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.87-34.04 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคยังแข็งค่า จากทิศทางดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ค.) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาแถลงยืนยันที่จะลด ดอกเบี้ย ประกอบกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าด้วย

"เงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.87 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับที่แข็งค่าสุดในรอบ 1 ปีกว่า ๆ หรือตั้งแต่เดือนก.ค.66" นัก
บริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 143.97/98 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 143.81 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1173/1175 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1188 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,364.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.94 จุด (+0.73%) มีมูลค่าการซื้อขาย 47,339.20 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 466.21 ลบ.(SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวใน
กรอบ 33.75-34.30 บาท/ดอลลาร์ หลังจากเปิดตลาดช่วงเช้าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือน โดยนักลงทุนจะให้ความ
สนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในปลายสัปดาห์นี้
  • รมว.คลัง ระบุว่า เงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้นมาก เป็นไปตามภาวะตลาดการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่
ค่าเงินบาทจะแข็งค่าและอ่อนค่าตามปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก และมองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อภาคการส่งออกแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบัน
ปริมาณ และราคาสินค้าส่งออก ยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
  • รมว.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบันดัชนี SET อยู่ที่ 1,300 จุดเศษ ๆ ซึ่งลดลงค่อนข้างมากจากระดับสูงสุดเดิม ทำให้ความมั่งคั่ง
ของนักลงทุนลดลง โดยที่กระทรวงการคลัง คาดหวังจะเห็นดัชนี SET กลับขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,800 จุด ซึ่งมี Market Cap อยู่ที่กว่า 20
ล้านล้านบาท ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมามีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 ไว้ที่ 2.5% แต่ปรับ
ลดมุมมองเศรษฐกิจปี 68 เหลือ 2.6% หลังภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ออกมาใกล้เคียงที่ประเมินไว้ แต่แรงส่งเศรษฐกิจ
รายองค์ประกอบต่างไปบ้าง โดยเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังได้แรงส่งหลักจากภาคท่องเที่ยว และแรงสนับสนุนจากการบริโภคเอกชนตาม
มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชั่วคราว สำหรับเงินเฟ้อทั่วไป จะขยายตัวต่ำลงอยู่ที่ 0.6% (เดิม 0.8%) ในปีนี้ สะท้อนความต่อเนื่องของ
มาตรการภาครัฐชะลอการทยอยปรับขึ้นราคาพลังงานในประเทศตลอดปี
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ประเภท 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของจีน ไว้ที่ระดับ 2.3% ในวันนี้ หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.20% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน PBOC ได้
ระบายเงินสดสุทธิออกจากระบบธนาคารจำนวน 1.01 แสนล้านหยวน (1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • สมาชิกหลายคนของสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในการประชุมที่แจ็กสัน โฮลว่า พวกเขาจะสนับสนุน
ให้ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนหน้า (ก.ย.) โดยสมาชิก ECB เหล่านี้รวมถึงผู้ว่าการธนาคารกลางฟินแลนด์,
ประธานธนาคารกลางลัตเวีย, ผู้ว่าการธนาคารกลางโครเอเชีย และผู้ว่าการแบงก์ชาติโปรตุเกส ทั้งนี้ ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยใน
เดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี นับตั้งแต่เดือนก.ย.62
  • ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้

บริโภคเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, GDP ไตรมาส 2/2567 (ประมาณการครั้งที่ 2), ดัชนีราคาการใช้จ่าย

เพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ