นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตภายใต้รัฐบาลใหม่ ว่า เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ต่ออย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้สูง ที่จะรับแนวคิดที่มีการสะท้อนผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้การกระจายเม็ดเงินทำได้รวดเร็ว และเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น โดยยืนยันว่าจะมีแนวโน้มที่ดีออกมา และเป็นแนวโน้มที่ประชาชนน่าจะพึงพอใจ
"เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่าไปต่อแน่นอน แต่รายละเอียดทั้งหมดยังต้องรอนโยบายรัฐบาลใหม่ ต้องรอการพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ประชาชนน่าจะได้รับข่าวดี และประชาชนน่าจะดีใจ โดยโครงการจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุด รวดเร็วทันใจ และเป็นประโยชน์กับประเทศ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยากให้รอการแถลงนโยบายของรัฐบาลก่อน" นายเผ่าภูมิ กล่าว
พร้อมระบุว่า ล่าสุดขณะนี้ มียอดประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปฯ "ทางรัฐ" แล้ว 30 ล้านคน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะไม่มีการขยายระยะเวลาการลงทะเบียนออกไปจากกำหนดเดิมในวันที่ 15 ก.ย.67
รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีการใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเม็ดเงินทั้งหมด จะเร่งออกได้ภายในเดือน ก.ย.67 ซึ่งจะเป็นเดือนที่สิ้นสุดปีงบประมาณ 67 แต่รายละเอียดคงต้องรอการแถลงจากรัฐบาลชุดใหม่ ถ้าพูดตอนนี้คงไม่เหมาะสม และต้องนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร จะปรับแก้อย่างไรหรือไม่ ก่อนจะออกมาเป็นนโยบายรัฐบาลที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องไปทางเดียวกัน
"ถามว่าระหว่างนี้ มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า มี แต่การเปิดเผย ต้องเป็นการเปิดเผยที่เป็นทางการ ยืนยันว่าเป็นแนวโน้มที่ดี และเป็นรูปแบบที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ เป็นไปตามที่หลายฝ่ายแนะนำ และตามที่หลายฝ่ายให้ความเห็นมา ซึ่งในช่วงต้นอาจจะมีเรื่องการคัดค้านบ้าง เราก็พยายามปรับเพื่อให้ออกมาอยู่ในจุดที่ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศ" นายเผ่าภูมิ ระบุ
รมช.คลัง ย้ำว่า แนวนโยบายในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศนั้น อยากให้รอความชัดเจนจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่น่าจะเหมาะสม และได้รับข้อมูลที่ตรงมากกว่า แต่มีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลจะมีการนำนโยบายที่ได้พัฒนาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามาสานต่อ เพราะอย่าลืมว่าแนวคิด และ DNA ของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งเป็น DNA เดิม จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แนวนโยบายที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะถูกนำมาดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ