นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.27 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 34.24 บาท/ดอลลาร์
ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงคลื่อนไหวในกรอบ sideways มีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัว ลงหนักอีกครั้ง
แนวโน้มค่าเงินบาท เริ่มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่ามากขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัลที่ชี้ว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่ามีกำลัง มากขึ้น และมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.30 บาท/ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง
"เงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ หากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ กดดันให้บรรดานักลงทุน ต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม" นายพูนระบุ
วันนี้ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) ของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ โดยบรรดาเฟดสาขาต่าง ๆ หรือ Fed Beige Book ซึ่งจะช่วยสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดแรงงานได้
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 34.2100 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 145.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 145.90/91 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1049 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1041/1042 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 34.257 บาท/ดอลลาร์
- "แพทองธาร" ตอกย้ำ "สส.เพื่อไทย" เหยียบคันเร่งสานงานต่อ "รัฐบาลเศรษฐา" บอกรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเวลาฮันนีมูน
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากปัจจัยเศรษฐกิจ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว แต่
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของ
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (3 ส.ค.)
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (3 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด
- นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ
5.00-5.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 18 ก.ย. และให้น้ำหนัก 31% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ
4.75-5.00%