ครม.ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นศก. แจกเงินหมื่นเฟสแรก กลุ่มเปราะบางรอรับ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 17, 2024 12:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ครม.ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นศก. แจกเงินหมื่นเฟสแรก กลุ่มเปราะบางรอรับ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนไม่เกิน 12.4 ล้านราย และคนพิการจำนวนไม่เกิน 2.15 ล้านราย เป็นจำนวน 10,000 บาท/คน จะเริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้เห็นชอบในหลักการและเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ครม. เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องดำเนินโครงการฯ เพื่อเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ เพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

"รัฐบาลได้ตัดสินใจจะดำเนินการจ่ายเงินในรอบแรกให้เร็วที่สุด โดยจะเป็นการจ่ายเงินสด 1 หมื่นบาทในคราวเดียวให้กับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 14.5 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 1.4 แสนล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.67" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุ

สำหรับรายละเอียดที่สำคัญโครงการฯ มีดังนี้

1. โครงการกระต้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยรัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ได้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ ณ สำนักงานคลังจังจังหวัด หรือกรมบัญชีกลาง (เฉพาะกรณีผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป) ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ประมาณ 12.40 ล้านราย

2. โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ โดยรัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 2.15 ล้านราย ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ (1) ช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการ ที่ได้รับข้อมูลจาก อปท. กทม. และเมืองพัทยา (2) บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของคนพิการ

ทั้งนี้ กรมบัญชีกลาง ได้เตรียมความพร้อมที่จะจ่ายเงิน ดังนี้

  • วันที่ 25 กันยายน 2567 คนพิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้าย เป็นเลข 0
  • วันที่ 26 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้าย เป็นเลข 1-3
  • วันที่ 27 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้าย เป็นเลข 4-7
  • วันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้าย เป็นเลข 8-9

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว รัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาท/คน ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 14.55 ล้านคน ให้สามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต โดยไม่จำกัดประเภทร้านค้า จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ และเพิ่มศักยภาพให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2567 ได้อย่างรวดเร็ว

โดยคาดว่าการมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 145,552.40 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว เพิ่มขึ้นประมาณ 0.35% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ

*จ่ายซ้ำ 3 ครั้ง หากครั้งแรกไม่สำเร็จ

ในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 และครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567 โดยเมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ

*เช็คช่องทางตรวจสอบสิทธิ

สำหรับช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.67 เป็นต้นไป

1. เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th

2. เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th

3. เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check (เฉพาะคนพิการ)

4. แอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย" (โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง)

5. ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทร. 0 2109 2345 กด 1 กด 5

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงการวางเงื่อนไขป้องกันการทุจริตในในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้วงเงินสูง และเฟสแรกยังเป็นการแจกในรูปของเงินสดว่า กรณีนี้โอกาสทุจริตน่าจะใกล้เคียงศูนย์ เพราะรัฐบาลโอนเงินโดยตรงเข้าพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนของผู้ที่ได้รับสิทธิ ดังนั้นการทุจริตจากภาครัฐไม่เกิดขึ้น และเมื่อได้รับเป็นเงินสด จึงไม่มีข้อจำกัดในการนำไปใช้ ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสจะบอกว่าเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์

อย่างไรก็ดี ขอเตือนประชาชนว่า การได้รับเงิน 10,000 บาทนี้ จะไม่มีการส่ง link หรือไม่มีการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ไปหาประชาชนที่ได้รับสิทธิ โดยเงินจะถูกส่งเข้าบัญชีที่ได้ผูกไว้กับพร้อมเพย์แล้วเท่านั้น

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงคลัง ยอมรับว่า เงินสด 10,000 บาท ที่ให้กับกลุ่มเปราะบางอาจถูกมองว่านำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ก็ต้องแลกกับความรวดเร็วในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเงินดิจิทัลวอลเล็ต สามารถกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการใช้จ่ายไว้ได้ แต่ต้องแลกกับการพัฒนาระบบ ที่เคยถูกวางไว้ว่าเม็ดเงินจะลงไปช่วงปลายปี 67 แต่กรณีการใส่เงินให้กลุ่มเปราะบางนี้ ก็แลกกับเม็ดเงินที่ลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น คือตั้งแต่เดือน ก.ย. ซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะกลุ่มนี้เมื่อได้รับเงินแล้ว จะใช้จ่ายเร็ว ใช้จ่ายหมด

"ก็อาจจะผิดเป้าหมายไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่าก็แลกกัน ข้อดีของมันก็มี" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ