นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers? Meeting: AEM) ครั้งที่ 56 ว่า การประชุมครั้งนี้ มีผู้นำที่เป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รวม 10 ประเทศ โดย สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบผลการดำเนินการด้านเศรษฐกิจของอาเซียน และรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญ รวม 17 ฉบับ อาทิ ปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน การทบทวนกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเตรียมการเจรจายกระดับความตกลงทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียน และแผนงานว่าด้วยมาตรฐานการค้าดิจิทัลของอาเซียน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือเพื่อกำหนดทิศทางของการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนใหม่หลังปี 2568 และการดำเนินการด้านความยั่งยืน อาทิ เศรษฐกิจหมุนเวียน และการลดการปล่อยคาร์บอน ตลอดจนเตรียมรายงานผลลัพธ์การดำเนินการต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และผู้นำอาเซียนในเดือนตุลาคม 2567
นายพิชัย กล่าวว่า ไทยได้เสนอให้มีการเร่งการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมมือกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้า สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ภาคธุรกิจในการค้าข้ามแดนที่ไร้รอยต่อในอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องให้เติบโต รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น โดยได้ผลักดันให้คณะเจรจาเร่งเจรจาให้คืบหน้าอย่างน้อย 50% ในปลายปีนี้