นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ จะมีเม็ดเงินประมาณ 1.45 แสนล้านบาท อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการโอนเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ซึ่งจะเป็นแรงส่งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี อย่างไรก็ดี ยังมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจบางตัวที่น่ากังวล โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่ยังทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไม่ดีพอ เพราะอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่เข้ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% (เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 0.15%)
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยังอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะจุดที่น่าเป็นห่วงในระบบ เช่น ภาวะสินเชื่อชะลอตัว ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ผ่านกลไกของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการเร่งปล่อยสินเชื่อ เร่งเติมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แต่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น อาจจะยังเห็นเรื่องนี้น้อยอยู่ โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ SMEs
"กระทรวงคลังเอง ไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ แต่เรื่องแบบนี้ จำเป็นและสามารถจะพูดคุยเพื่อหาจุดลงตัวร่วมกันได้ ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ประสานกับ ธปท. และแบงก์พาณิชย์เรื่อย ๆ อยู่แล้ว และกระทรวงคลังเอง ก็พยายามสร้างกลไกเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น รับความเสี่ยงได้มากขึ้น ผ่านกลไกของโครงการ PGS ของ บสย. และกำลังจะมีการค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบใหม่ ๆ ออกมา แต่ส่วนนี้ต้องใช้เวลา เพราะกำลังแก้ไขกฎหมาย และจัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง" นายเผ่าภูมิ กล่าว
สำหรับคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งตั้งขึ้น และทำหน้าที่เป็นประธานด้วยนั้น คาดว่าจะมีการประชุมกันนัดแรกในเร็ว ๆ นี้ โดยบทบาทของคณะกรรมการชุดดังกล่าว คือ พิจารณาภาพรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด ไม่เพียงแค่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น แต่จะดูว่าควรมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหน ในช่วงเวลาใด ด้วยปริมาณเงินเท่าไร และวิธีการอย่างไร