นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่า เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็ว โดยปีนี้บาทแข็งค่าไปแล้ว 3.1% (year to date) และผันผวนมากกว่าบางประเทศ แต่ไม่ได้ผันผวนมากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งมีสกุลเงินอื่นผันผวนมากกว่าไทย เช่น มาเลเซีย
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระทบกับทั่วโลก แต่ในไทยนั้นมีปัจจัยเฉพาะเพิ่มเข้ามา คือ ราคาทองคำ ที่เงินบาทมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำมากกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค รวมทั้งการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐาน หรือมาจากการเก็งกำไรค่าเงิน หรือ hot money ซึ่งทำให้ความผันผวนของค่าเงินเกิดขึ้นโดยไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง แต่ปัจจุบัน ยังไม่เห็น hot money เข้ามา
"ภาพรวมเงินทุนในปีนี้ การไหลออกน้อยกว่าปีก่อน ปีก่อนการไหลออก 9.9 พันล้านดอลลาร์ ปีนี้ประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์ แต่ช่วงหลัง เป็นการไหลเข้ามาจากปัจจัยของโลก และปัจจัยเฉพาะของเราเอง เช่น ความชัดเจนทางด้านการเมือง รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับทองคำมีสูงกว่าความสัมพันธ์ของทองคำกับค่าเงินสกุลเงินอื่น ความผันผวนของค่าเงิน ยังเป็นปัจจัยที่ ธปท.ติดตามใกล้ชิด" ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว