นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ข้อมูลการโอนเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางในวันแรก มียอดโอนแล้ว 3,167,565 คน ซึ่งการโอนเงินวันนี้อาจจะล่าช้าไปบ้าง เพราะตรงกับวันจ่ายเงินเดือนข้าราชการ แต่ยืนยันภายในวันนี้ ระบบจะทำการโอนเงินให้เสร็จสิ้น และวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ก็จะดำเนินการต่อไปตามหมายเลขบัตรประชาชน ที่ลงท้ายด้วย 1, 2 และ 3
ส่วนการตรวจสอบสิทธิ์ จะเป็นไปตามช่องทางที่ได้เตรียมไว้ พร้อมยืนยันว่า กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ ทั้งแอปพลิเคชั่น และเว็ปไซต์ไม่มีปัญหา หากเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์แล้วยังไม่มีชื่อ แสดงว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จะรับเงิน โดยให้รอในรอบถัดไป
ทั้งนี้ กลุ่มคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ต้องผูกบัญชีธนาคารกับบัตรประชาชน ยังมีบางส่วนที่ตกหล่น ต้องเร่งให้ไปลงทะเบียนผ่านธนาคาร หรือผ่านตู้เอทีเอ็ม
ส่วนผู้ถือบัตรผู้พิการที่มีสถานะต้องแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ บัตรผิดพลาด หรือคนที่ยังไม่ได้เชื่อมช่องทางการรับเงิน มีทั้งหมดประมาณ 90,000 คน ขอให้ไปประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อแก้ไขสถานะและรับเงิน ซึ่งทางรัฐจะมีรอบโอน 3 ครั้ง คือ วันที่ 22 ต.ค.67, วันที่ 22 พ.ย. 67 และวันที่ 22 ธ.ค. 67 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หากผู้พิการยังไม่ดำเนินการถือว่าไม่ขอรับสิทธิ์
ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า เจ้าหนี้นอกระบบไปกดดันผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทหน้าตู้เอทีเอ็ม เพื่อให้กดเงินมาใช้หนี้ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในอำนาจการดูแลของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะประสานกับกระทรวงมหาดไทยให้ลงไปดูแลและตรวจสอบไม่ให้เจ้าหนี้มารบกวนเงินของกลุ่มเปราะบาง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ประชาชนเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ และพบว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหมดอายุนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า สถานะของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการทบทวนทุก ๆ 2 ปี ซึ่งรอบถัดไปจะมีการพิจารณาในช่วง ต.ค.68 ทั้งนี้ ผู้ที่เคยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในรอบนี้ ซึ่งต้องดูว่าได้รับการโอนเงินช่วยเหลือจากสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกเดือนหรือไม่ หากยังได้รับเงินทุกเดือน ก็แสดงว่าจะเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในเงิน 10,000 บาทนี้ด้วย