นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 32.17 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดที่ ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.14 - 32.37 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค หลังตลาดเปิดรับความเสี่ยง จากปัจจัยที่ประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เป็นหลัก
"เงินบาทระหว่างวันแข็งค่าลงมาถึง 32.14 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังคงเป็นระดับที่แข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือน หรือตั้งแต่ เดือน ก.พ. 65" นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับคืนนี้ตลาดรอติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถึงท่าทีหลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการ บริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าคาด ซึ่งต้องติดตามว่าเฟดจะมีมุมมองอย่างไรต่อการลดดอกเบี้ยใน รอบการประชุมเดือนพ.ย. และธ.ค. ช่วงที่เหลือของปีนี้
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.10 - 32.35 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 32.2256 บาท/ดอลลาร์
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 142.44 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 142.77 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1194 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1170 ดอลลาร์/ยูโร
- ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่าในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วและ
แรง ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเข้าไปดูแลในช่วงที่เงินบาทผันผวนแรง เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อภาคธุรกิจ ซึ่งอาจ
สะท้อนให้เห็นจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายส่วนประกอบกับ
เช่น ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงิน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนส.ค. 67 ว่า เศรษฐกิจไทยทรงตัวจากเดือนก่อน
โดยการบริโภคภาคเอกชน และการส่งออกสินค้าปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบางส่วนมาจากปัจจัยชั่วคราว ด้านการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวจากทั้งราย
จ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวชะลอลงตามรายรับ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การลงทุนภาค
เอกชน ลดลงจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว ส่วนหนึ่งมาจากสินค้าคงคลังในหลายหมวดยังอยู่ในระดับ
สูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ลดลงจากหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากผลของฐานและราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินที่ลดลงตามราคาตลาดโลก ขณะ
ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากหมวดอาหารเป็นสำคัญ
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนส.ค. 67 ว่า
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนส.ค. 67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่าง
ไรก็ดี การบริโภคสินค้าคงทน และการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศ
อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ รวมถึงค่าเงินบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้ม
อยู่ในกรอบ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์ สถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้จะให้ความสนใจกับความเห็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
(เฟด) ดัชนี ISM ภาคบริการและการจ้างงานเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ขณะที่การปรับนโยบายเศรษฐกิจของจีนสอดคล้องกับทิศทางของ
เฟด ได้สร้างพื้นที่มากขึ้นสำหรับธนาคารกลางอื่น ๆ ทั่วโลกในการลดดอกเบี้ย โดยจำกัดความเสี่ยงทุกสกุลเงินของตนจะอ่อนค่าลง อย่าง
ไรก็ดี การที่เงินบาทปรับตัวแข็งค่าทางเดียวตลอดไตรมาส 3 ทำให้ยังคงเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่เงินบาทจะพักฐานช่วงสั้น นอกจากนี้ ตลาด
การเงินโลกเผชิญความเสี่ยงหลักจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. ส่วนประเด็นในประเทศ ตลาดจะติดตาม
การหารือกันระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อ และค่าเงินบาท
- หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และประเมินมูลค่าความเสีย
หายอยู่ที่ประมาณ 29,845 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.17% ของ GDP (ข้อมูล ณ 28 ก.ย. 67) ซึ่งภาพรวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำ
ท่วมรวมทั้งสิ้น ประมาณ 3 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 1,166,992 ไร่ และพื้นที่อื่น ๆ 1,826,812 ไร่
- นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมกันดำเนินการตามนโยบายและแผนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง
เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปีนี้
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย. อยู่ที่
ระดับ 50.0 ชะลอตัวลงจากระดับ 50.3 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI เดือนก.ย. ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันนี้ (30 ก.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยาย
ตัว 0.5% ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 0.6% หลังขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 1/2567 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า
ตัวเลข GDP ล่าสุดในวันนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเบื้องต้น
โดย ปภัสสร องค์พิเชฐเมธา/รัชดา คงขุนเทียน