นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ต.ค.67 อยู่ที่ 69.70 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.73 จุด หรือคิดเป็น 1.06% จากเดือน ก.ย.67 ที่ระดับ 68.97 จุด โดยมีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย แรงซื้อเก็งกำไร การอ่อนค่าของดอลล่าร์สหรัฐฯ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะสามเดือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 (ต.ค.-ธ.ค.) อยู่ที่ 69.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือคิดเป็น 0.84% ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ที่ระดับ 68.50 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การอ่อนค่าของเงินบาท ทิศทางราคาน้ำมัน และแรงซื้อเก็งกำไรของกองทุน
โดยคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ต.ค.67 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 320 ราย ในจำนวนนี้มี 200 ราย หรือ 62% คาดว่าจะซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 80 ราย หรือ 25% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ และจำนวน 40 ราย หรือ 13% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำจำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 8 ราย หรือ 62% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ต.ค.67 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือ 23% คาดว่าจะลดลง และจำนวน 2 ราย หรือ 15% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน ก.ย.67
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน ต.ค.67 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่เห็นว่า ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 2,587-2,707 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 40,500- 42,000 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.37-33.91 บาท/ดอลลาร์
คำแนะนำการลงทุนทองคำในเดือน ต.ค.67 ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นของราคาในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นนี้ทำให้เกิดความผันผวนของราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นักลงทุนจึงควรใช้ความระมัดระวังในการติดตามสถานการณ์การแกว่งตัวของราคาอย่างใกล้ชิด และแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำขึ้นถึงแนวต้านที่สำคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน