ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.33 ให้กรอบแกว่ง 33.20-33.50 รอลุ้นมติกนง.บ่ายนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 16, 2024 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.33 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนที่ระดับ 33.36 บาท/ดอลลาร์

ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้น ตามภาวะปิดรับ ความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน และการอ่อนค่าลงของเงินยูโร แต่เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ของราคาทองคำ หลังภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน และมุมมองของตลาดที่ปรับเพิ่มโอกาสการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนพ.ย.

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยคาดว่า กนง. อาจมีมติคงอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ทั้งนี้ต้องจับตามุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจ รวมถึงการส่ง สัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยในปีนี้

"หาก กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าที่ชัดเจนขึ้น เงินบาทก็อาจอ่อนค่าลงเล็กน้อยได้ แต่หาก กนง. เซอร์ไพรส์ตลาด ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% พร้อมเปิดโอกาส เดินหน้าลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้พอสมควร" นายพูน ระบุ

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.20-33.50 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.2975 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 148.97 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0886 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0905 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท. อยู่ที่ระดับ 33.351 บาท/ดอลลาร์
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเพื่อพิจาณาทิศทางนโยายการเงินและกำหนดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่ง
เป็นที่จับตามองว่า หลังจากที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้พบปะหารือกันในเรื่องภาวะเศรษฐกิจเงินเฟ้อและสภาพคล่องในระบบแล้ว กนง.ในครั้งนี้ จะมีการปรับลด
อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตามความคาดหมายของหลายฝ่ายหรือไม่
  • "คลัง" หวัง กนง. พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจรอบด้าน ชี้จังหวะเหมาะสมลดดอกเบี้ย ช่วยพยุงเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน
หวังช่วยหนุนให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนมากขึ้นโบรกมองเศรษฐกิจไทย ยังไม่ฟื้นตัวดี บ่งชี้ผ่านแบงก์ตั้งสำรองสูง
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำชะลอการ
ฟื้นตัวขึ้น เริ่มมีแรงขายระยะสั้นสลับเข้ามา แต่ราคาทองคำโลกยังปรับตัวสูงขึ้น ใกล้เคียงกับราคาเป้าหมาย 2,700-2,750 เหรียญสหรัฐ
ต่อออนซ์ แต่นักลงทุนต้องการเข้าลงทุนเพื่อทำกำไรยังคงมีโอกาส เพราะราคาย่อตัวลงก่อนขึ้นไปถึงเป้าหมาย รวมถึงการเคลื่อนไหวของ
ราคาทองคำจะเป็นลักษณะขึ้นสลับย่อตัว จึงมีจังหวะน่าสนใจในการทยอยเข้าซื้อ หากราคาปรับลดลงมาที่บริเวณ 2,600-2,620 เหรียญ
สหรัฐต่อออนซ์ จากนั้นอาจขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือสูงกว่านั้นที่บริเวณ 2,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จาก
นั้นอาจปรับฐานครั้งใหญ่ลงมาที่ระดับ 2,350-2,380 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศอาจลดลงจาก 40,000 บาทต่อ
บาททองคำ อยู่ที่ 38,000-39,000 บาท
  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบให้นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่ประสบปัญหาอุทกภัย แล้วนำกลับมาเสนอครม.ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.
2567
  • "ไอเอ็มเอฟ" เตือน หนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้น ใกล้แตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2567 จนอาจส่งผลกระทบ
ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก หากรัฐบาลต่างๆ ไม่เร่งแก้ไขอย่างจริงจัง
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กวันอังคาร (15 ต.
ค.) หลังเฟดนิวยอร์กเผยข้อมูลน่าผิดหวัง โดยดัชนีภาคการผลิตหดตัวอย่างไม่คาดคิดในเดือนตุลาคม ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ เพิ่มเติม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทน
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 0.08% เหลือ 4.03%
  • ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า
ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังเจ้าหน้าที่ ECB
เปิดเผยว่า ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงเร็วกว่าที่คาดไว้
  • นักลงทุนยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย. เพื่อหาสัญญาณ
ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับขนาดหรือช่วงจังหวะของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ว่า อิสราเอลมีแผนถล่มเป้าหมายทางการทหารในอิหร่าน แต่จะไม่

โจมตีแหล่งน้ำมัน หรือโรงงานนิวเคลียร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ