นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นการปรับลดดอกเบี้ยปีนี้รวม 0.50% โดยครั้งนี้ 0.25% และครั้งถัดไปอีก 0.25% เพราะในขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังแย่อยู่ แต่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยกำลังจะดีขึ้นในไตรมาส 3 และ 4 น่าจะโตขึ้น 3-4% ทำให้ทั้งปี GDP น่าจะโตได้ประมาณ 2.7% ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าด้วย และหากค่าเงินบาทอ่อนลงจะมีส่วนช่วยทั้งภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งอยู่ในระดับ 70-80% ของ GDP ด้วย รวมถึงช่วยเรื่องการลงทุนด้วย
นายพิชัย ระบุว่า อยากให้ลดดอกเบี้ยนานแล้ว ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยอ้างว่า ให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยก่อน ธปท.ถึงจะลดดอกเบี้ย แต่พอเฟดลดดอกเบี้ยแล้ว และมีแนวโน้มจะลดเพิ่มอีก แต่ธปท.กลับไม่ถึงประเด็นนี้แล้ว รวมถึงกรอบเงินเฟ้อของไทยต่ำมาก การที่จะพิจารณากรอบเงินเฟ้อใหม่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อกรอบเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต้องอัดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น
สำหรับกรอบเงินเฟ้อในปีหน้านั้น นายพิชัย ระบุว่า อยากเห็นกรอบเงินเฟ้อ 2-3% โดยควรจะยึดกรอบเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบความสำเร็จ
"กรอบเงินเฟ้อ 2-3% กำลังดี ถ้าทำได้ ผมเห็นแบงค์ชาติไม่เดือดร้อนอะไร เขาบอกว่า จะรักษาเสถียรภาพทางการเงิน คือ ถ้าเสถียรภาพดีแต่คนลำบากไม่ถือว่า มีเสถียรภาพ อย่าเข้าใจผิด กระทรวงพาณิชย์วิ่งไปหาคนมาลงทุน มาทำการค้า ส่งออกก็ไปได้ดี พอดีค่าเงินแข็งขึ้นมาเหมือนเตะสกัดเรานะ
เราต้องหาคนที่มีความรู้ความชำนาญด้านเศรษฐกิจ หรือทำการค้าจริง ๆ มาดูเรื่องความเป็นจริงว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ถ้าเอานักวิชาการอย่างเดียว อาจไม่เคยสัมผัสชีวิตจริงว่า คนลำบากขนาดไหน การค้าจริงลำบากขนาดไหน เหมือนกับตนที่ผ่านการค้ามามากมีทั้งดีและแย่ แต่ผ่านมาจนสามารถมาอยู่ตรงนี้ได้"นายพิชัย กล่าว
พร้อมระบุว่า อยากให้ผู้ว่าธปท.เข้าไปชี้แจงสถานการณ์เศรษฐกิจในที่ประชุมรัฐสภา และเปิดโอกาสให้สส.และสว.สามารถซักถามได้ ซึ่งในต่างประเทศมีการทำในลักษณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่ควรดำเนินการ และไม่ใช่การเมืองเข้าไปแทรกแซง เพราะประชาชนที่รับฟังจะเป็นคนตัดสินว่าถูกหรือผิด
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมแพ็กเก็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้