นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้นำมาตรการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะกระตุ้นมู้ดของการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างมาก
โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และ SME ที่จดทะเบียน VAT แต่ยังไม่เริ่มใช้หรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้เดินหน้าเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลโดยได้เข้าร่วมคิกออฟโครงการ "ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" เพื่อลดภาระค่าครองชีพด้วยการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ พร้อมร่วมจัดมหกรรมลดราคาสินค้าต่อเนื่องตลอด 5 เดือนเต็ม ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจนถึงเดือน ม.ค.68 โดยสมาชิกของสมาคมฯ ร่วมกันลดราคาสินค้าอย่างคับคั่งด้วยโปรโมชั่นหลากหลาย เช่น การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย และแคมเปญการตลาดอื่นๆ อาทิ เช่น ไทวัสดุ, ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, บิ๊กซี, โลตัส ฯลฯ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี 68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท
"สมาคมผู้ค้าปลีกไทยพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี รวมทั้งฟื้นฟูภาพรวมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง" นายณัฐ กล่าว