นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยก่อนการหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการกำหนดกรอบอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2568 ว่า อัตราเงินเฟ้อที่จะเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจไทยนั้น จะต้องไม่ต่ำเกินไป และแน่นอนว่าถ้าสูง ก็ต้องไม่สูงจนอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ส่วนท้ายที่สุดกรอบอัตราเงินเฟ้อในปี 2568 จะเป็นอย่างไร คงต้องมาดูตัวเลขเงินเฟ้อของจริงในปีนี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะออกมาน่าจะออกมาในทางต่ำ และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3%
นอกจากนี้ อีกประเด็นคือ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศส่งออก จึงอยากเห็นว่ามีการนำเรื่องการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนโดยไม่ใช่การแทรกแซงให้ผิดปกติ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายด้านการเงินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการเหมือนในบางประเทศด้วย
"เรื่องกรอบเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ต้องหารือ และวันนี้เป็นการหารือครั้งแรก ซึ่งกระบวนการหารือจะต้องรีบจบโดยเร็ว เนื่องจากใกล้จะสิ้นปีแล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยผมได้เน้นว่าอยากเห็นตัวเลขเงินเฟ้อของจริงในปีนี้มากกว่าว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนกรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไหร่ ผมมองว่าประเทศที่อยู่ข้างเคียงเรามีอัตราเงินเฟ้อในทางสูง และประสบความสำเร็จ บางประเทศมีค่ากลางอยู่ใกล้ ๆ 3% ส่วนของไทยควรจะเป็นเท่าไหร่ก็ต้องมาดูกัน แต่มองว่าต่ำกว่า 1% นั้นมันก็ต่ำเกินไปจริง ๆ" นายพิชัย กล่าว