นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากกรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย นำคณะฯ เข้าหารือ พร้อมมอบสมุดปกขาวข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ พร้อมมีข้อเสนอ 4 ข้อ คือ 1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี 3.การบริหารจัดการน้ำ และ 4.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้เพื่อให้การตอบสนองข้อเสนอของภาคเอกชนที่เป็นรูปธรรม นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้ 1.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ไปหารือกับภาคเอกชนเพื่อให้ได้ข้อยุติ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าศักยภาพตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ต้องอาศัยการเพิ่มรายได้ของประชาชน และต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ที่เกี่ยวกับรถยนต์ และหนี้บ้าน รวมถึงหนี้เอสเอ็มอีเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
2.มอบหมายให้ กพร.ที่มีนายธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน เร่งหารือกับภาคเอกชนในการดำเนินการปรับแก้ไขกฏหมายที่เป็นอุปสรรคโดยเร็ว เพราะพบว่าอุปสรรคที่เกิดขึ้นสร้างภาระต้นทุนภาคเอกชนกว่าแสนล้านบาทต่อปี เช่น เรื่องขั้นตอนที่มีความล่าช้าจนส่งผลให้ธุรกิจมีความเสียหาย โดยกำชับให้ลดขั้นตอนการออกใบอนุญาต ไม่ว่าจะเป็น การผลิต การขาย การนำเข้า และการส่งออก
3.สำหรับมาตรการเรื่องน้ำ มอบหมายให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้ง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเป้าหมายและแผนงานของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีที่มอบไว้ ภายใต้การทำงานของแผน สทนช.และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาดำเนินการต่อ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งในอนาคต รวมถึงน้ำในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมของประเทศด้วย
4. มาตรการในการแก้ไขปัญหาสินค้าออนไลน์รุกตลาดประเทศไทย ทำให้ธุรกิจ SME ของไทยเสียเปรียบอย่างมาก โดยในขอให้ รมว.พาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งนำมาตรการที่เตรียมไว้ 3 มาตรการมาใช้ โดยขอให้เสร็จภายใน 1 เดือน เช่น การค้าขายสินค้าออนไลน์จากต่างชาติต้องมีการจดทะเบียนบริษัทในไทยเพื่อการควบคุมสินค้าและคุณภาพของผู้บริโภคและเข้าระบบภาษี รวมถึงสินค้าที่ขายในออนไลน์ควรจะมีมาตรฐานอุตสาหกรรม สินค้าอาหารและยาต้องมีใบรับรองขององค์การอาหารและยา