นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัว อย่างไรก็ดี การบริโภคสินค้าคงทน และการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ และปริมาณการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า: โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.1% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และปริมาณจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -25.7% และ -15.5% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนกันยายน 2567 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.3 จากระดับ 56.5 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดี รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.4%
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 11.7% ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนกันยายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -21.6% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนกันยายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.4% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -10.4%
- มูลค่าการส่งออกสินค้า ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 25,983.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.1% หากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน และสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัว 3.1% เนื่องจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (15) และอินโดจีน (4)
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยว ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนกันยายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย 2.52 ล้านคน ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.3% ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนกันยายน 2567 จำนวน 20.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.1%
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนกันยายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.8% ตามการลดลงในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนกันยายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -3.5%
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 2567 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 87.1 จากระดับ 87.7 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังซื้อยังอ่อนแอจากปัญหาหนี้สินที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 0.61% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.77% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 64% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอก ยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 243.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ