กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-34.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.90 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วงแคบ ระหว่าง 33.63-33.92 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 เดือน
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เงินยูโรฟื้นตัวแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของยูโรโซนสดใสกว่าคาด ซึ่งลดความคาดหวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยขนาดใหญ่ของธนาคารกลางยุโรป(ECB) สำหรับจีดีพีสหรัฐฯ เติบโต 2.8% ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และชะลอจาก 3.0% ในไตรมาส 2 โดยยอดนำเข้าเร่งตัวท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง
ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ตามคาด และคงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะทรงตัวใกล้เป้าหมาย 2% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 9,644 ล้านบาท และ 4,892 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ เหตุการณ์สำคัญของตลาดโลก จะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 5 พ.ย. ขณะที่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนได้ปรับสถานะเพื่อรับชัยชนะของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยหากทรัมป์คว้าชัย และพรรครีพับลิกันคุมเสียงในสภาครองเกรส (Red Sweep) เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการผลักดันนโยบายต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มอัตราศุลกากร และการกีดกันผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งจะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะกลาง
อย่างไรก็ตาม กรณีทรัมป์ชนะ แต่ไม่เกิด Red Sweep หรือกรณีพลิกโผเป็นแฮร์ริสชนะ เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรจากการระบาย Trump Trade ทิ้ง นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 7 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 25bps เป็น 4.50-4.75% หลังตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.น่าผิดหวัง แม้จะเป็นผลจากสภาพอากาศและการประท้วงผละงานก็ตาม แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจยังคงชะลอลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง เห็นร่วมกันว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 68 ที่ 1-3% มีความเหมาะสมและไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลัง ต้องการเห็นเงินเฟ้อขึ้นไปที่ระดับ 2% พร้อมให้ ธปท.ไปจัดทำข้อตกลงในการดำเนินนโยบาย เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ