นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ได้เดินหน้าขยายผล Social Impact ผ่านภารกิจ Financial Inclusion เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนฐานรากเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่เป็นธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหลักเกณฑ์ของระบบธนาคารไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้ ทำให้ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ หรือสินเชื่อในระบบที่ดอกเบี้ยสูงเกินจริง
ดังนั้น จึงจัดตั้งบริษัทให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน "GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อคนไทย" แพลตฟอร์มสินเชื่อเพื่อความเท่าเทียมในสังคม โดยดำเนินธุรกิจภายใต้ "บริษัท เงินดีดี จำกัด" เป็นกิจการ Non-Bank กลุ่มบริษัทในเครือธนาคารออมสิน เพื่อเป็นกลไกในการลดดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (Nano Finance) ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น ประกอบกับการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มความคล่องตัวในการปล่อยสินเชื่อ จะดึงคนเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ให้เศรษฐกิจ และสังคมเติบโตอย่างยั่งยืน
"มั่นใจว่าการให้บริการสินเชื่อผ่าน GOOD MONEY จะเข้าไปช่วยดึงอัตราดอกเบี้ยให้ปรับลดลงมาได้แน่นอน และจะเป็นบริการที่เข้าไปช่วยคนที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้โดยตรง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มนี้ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ 10-20% ซึ่งออมสินต้องการเข้าไปช่วยเหลือ และดึงคนกลุ่มนี้เข้ามาในระบบให้มากขึ้น โดยการดำเนินธุรกิจในส่วนนี้ ออมสินไม่ได้มองที่เรื่องผลกำไร หรือความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เสีย เพราะเป้าหมาย คือ การช่วยเหลือสังคมเพิ่มขึ้นได้" นายวิทัย กล่าว
ด้าน น.ส.สิรินันท์ จิรดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงินดีดี จำกัด เปิดเผยว่า แพลตฟอร์ม "GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อคนไทย" จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน และส่งมอบประสบการณ์ใช้บริการสินเชื่อดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย และครบวงจร ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถสมัครสินเชื่อ จนถึงการรับผลอนุมัติด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชันได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมตั้งเป้าภายใน 4 ปี ปล่อยกู้ได้ 5 แสนราย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการอนุมัติสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ให้กู้ตามความจำเป็น และความสามารถในการชำระคืน โดยมีการนำระบบ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความรวดเร็ว และปลอดภัย มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล และประเมินความสามารถในการชำระหนี้
"หลังได้รับอนุญาตฯ จากธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 67 ได้ทดลองเปิดใช้ระบบตั้งแต่เดือนก.ค.67 โดยมีผู้สนใจใช้บริการยื่นขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันแล้วกว่า 1 แสนราย บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แพลตฟอร์ม GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อคนไทย จะช่วยให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายในการสร้างอนาคตทางการเงินที่ดี และยั่งยืน เพื่อคนไทยทุกอาชีพไปด้วยกัน" น.ส.สิรินันท์ ระบุ
ทั้งนี้ ในปีแรกตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล 100,000-200,000 ราย โดยต่อรายสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อลงทุนประกอบธุรกิจและอุปโภคบริโภค โดยประชาชนทุกคนสามารถสมัครสินเชื่อจนถึงการรับผลอนุมัติด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันได้ทุกที่ทุกเวลา โดยอนุมัติเร็วสุดภายใน 30 นาที กรณีเอกสารไม่มีปัญหา
"มั่นใจว่าการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว จะไม่เป็นการส่งเสริมหนี้ครัวเรือนให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะวัตถุประสงค์หลักของการปล่อยกู้ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดหนี้ครัวเรือน" น.ส.สิรินันท์ กล่าว
สำหรับแพลตฟอร์ม GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อคนไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย 2 ประเภท ได้แก่ 1. สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) อัตราดอกเบี้ย 19-25% และ 2. Nano Finance อัตราดอกเบี้ย 29-33% สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการสร้างหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ (Productive Loan) ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เริ่มต้นที่ 19% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยใช้ระบบการประเมินคุณสมบัติผู้ขอกู้ ที่พิจารณาจากอัตราส่วนภาระการชำระหนี้ต่อรายได้ (DSR) และอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้โดยไม่เกิดปัญหาหนี้เกินตัว ที่สำคัญลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดีอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งเป็นการส่งเสริมวินัยทางการเงินที่ดี และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถพัฒนาไปสู่การใช้บริการสินเชื่อของธนาคารออมสินในอนาคต
อนึ่ง บริษัท เงินดีดี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสิน (49%) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด (51%) กลุ่มบริษัทในเครือธนาคารออมสิน ทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อขยายการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่ม SMEs บริษัท เงินดีดี มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท ให้บริการแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลเพื่อสังคม "GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อสังคม" อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเมื่อเดือน มิ.ย. 67